เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) นิยาย บท 290

สรุปบท ตอนที่ 290 ผู้ชายที่ขอดูตัวรู้ความจริง!: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 290 ผู้ชายที่ขอดูตัวรู้ความจริง! – เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) โดย Internet

บท ตอนที่ 290 ผู้ชายที่ขอดูตัวรู้ความจริง! ของ เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 290 ผู้ชายที่ขอดูตัวรู้ความจริง!
ตี 5 ของวันถัดมา

ดาวเด่นของวงการบาสเก็ตบอลอย่าง Kobe Bryant ยังต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาฝึกซ้อมทุกวัน

แต่วันนี้ที่เมืองหลวงมีใครบางคนตื่นตั้งแต่ตีห้า แต่กลับไม่มีเวลามาชื่นชมภาพทิวทัศน์หิมะสีขาว

หลังจากตื่นนอนแล้วเขาก็ไปออกกำลังกายในฟิตเนสของวิลล่า

เขาที่ว่าก็คือหลี่เฉิงเจี๋ยที่เมื่อวานโดนเย่เฉินซ้อมจนมีสภาพเละเทะ

“น่าโมโหจริงๆ เลย!”

“น่าโมโหจริงๆ เลย!”

“น่าโมโหจริงๆ เลย!”

หลี่เฉิงเจี๋ยฝึกซ้อมไปพร้อมๆ กับพร่ำบ่นไปด้วย

ถึงแม้ว่าเมื่อวานเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเย่เฉินแต่เขาก็ไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้นั้น!

เขารู้สึกว่าเป็นเพราะตนเองประมาทศัตรู ดังนั้นถึงได้แพ้อีกฝ่าย ถ้าหากมีโอกาสได้ต่อสู้กันใหม่อีกครั้ง เขาไม่มีทางพ่ายแพ้จนมีสภาพเละเทะแบบนี้

ซ้อมไปชั่วโมงกว่า เขาถึงได้กลับมาอาบน้ำจากนั้นจึงแวะมากินอาหารเช้าที่ห้องรับแขก”

และในเวลานี้เอง ชายหนุ่มที่มีรูปร่างเตี้ยหน้าตาอัปลักษณ์เดินมา “คุณหลี่”

หลี่เฉิงเจี๋ยกินสเต็กเนื้อวัวต่อพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “สะกดรอยหมอนั่นเป็นยังไงบ้าง?”

เมื่อวานตอนที่หลี่เฉิงเจี๋ยออกจากตระกูซูในสภาพมอมแมมเลอะเทอะ แล้วสั่งให้ ‘เฉียนช่วนจื่อ’ ที่เป็นลูกน้องเขาคอยสะกดรอยตามเย่เฉิน

เฉียนช่วนจื่อรายงาน “เมื่อวานหลังจากที่หมอนั่นส่งคุณหนูซูก็อ้อยอิ่งอยู่ที่นั่น คิดไม่ถึงว่าเขาจะค้างคืนที่นั่น!”

“อะไรนะ?!”

หลี่เฉิงเจี๋ยโมโหจนกระแทกช้อนส้อมในมือทันที

“ซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่ปล่อยให้ผู้ชายค้างคืนที่บ้าน ถ้าหากเรื่องนี้มีคนอื่นรู้เข้าจะมีสภาพเป็นยังไงบ้าง!”

หลี่เฉิงเจี๋ยหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาถือว่าหญิงสาวเป็นว่าที่ภรรยาของตนเอง เขาย่อมต้องเป็นห่วงเป็นใยกับชื่อเสียงของว่าที่ภรรยาก่อนแต่งงานอยู่แล้ว

เฉียช่วนจื่อกล่าว “ก็นั่นสิครับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนขับรถ แต่จะปล่อยให้เขาค้างคืนที่บ้านไม่ได้สิครับ คุณหนูซูสวยขนาดนั้นถ้าเกิดว่ากลางคืนกลางค่ำหมอนี่ก็คิดไม่ดีไม่ร้ายกับหล่อนขึ้นมา”

เห็นสีหน้าหงุดหงิดของหลี่เฉิงเจี๋ยแล้ว เฉียนช่วนจื่อก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“แล้วสืบได้หรือเปล่าว่าหมอนี้เมื่อคืนนอนที่ไหน? ได้แยกกันนอนคนละห้องกับซูมู่ชิงหรือเปล่า?” หลี่เฉิงเจี๋ยถาม

เฉียนช่วนจื่อตอบ “คุณหลี่ คุณเองก็รู้ว่า คุณชายซูซูมู่ชิงจ้างบอดี้การ์ดคอยแอบซุ่มดูอยู่รอบๆ บ้านของหล่อน คนของผมเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ แม้แต่โดรนก็ไม่กล้าบินเข้าไปใกล้ แต่ผมรู้คิดว่าด้วยนิสัยและบุคลิกที่เย็นชาเย่อหยิ่งของคุณหนูซู ไม่น่าจะลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับคนขับรถ”

หลี่เฉิงเจี๋ยพยักหน้า เขาเองก็พอจะรู้จักนิสัยและทัศคติของซูมู่ชิงอยู่บ้าง

หลายปีมานี้ไม่เคยได้ยินว่าหญิงสาวคบหากับใคร แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนก็อยู่ของหล่อนคนเดียว

ซึ่งนี่เป็นจุดที่เขาชื่นชอบหญิงสาว ใครจะไม่ชอบหญิงสาวบริสุทธิ์แบบนี้ล่ะ?

“คอยจับตาดูเอาไว้ ขอแค่หมอนี่ออกจากเรือนสี่ประสานมาให้รีบรายงานฉัน!”

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวเสียงเหี้ยม

เขาเองตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะต้องล้างแค้นเย่เฉินให้ได้

ต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวก็สู้ไม่ได้ แต่ทีนี่เป็นเมืองหลวงเป็นพื้นที่ของหลี่เฉิงเจี๋ย เขาย่อมไม่อยากโดนคนที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนรังแกกัน!

สามชั่วโมงต่อมา

ทันใดนั้นเองเฉียนช่วนจื่อก็โผล่มารายงาน “คุณชายหลี่ครับ หมอนั่นออกจากเรือนสี่ประสานไปแล้ว!”

หลี่เฉิงเจี๋ยที่กำลังอ่านหนังสือ ‘พิชัยสงครามซุนจื่อ’ พอได้ยินแบบนี้ก็ปิดหนังสือดังพรึ่บ “ดีมาก ในที่สุดไอ้หมารับใช้ตัวนั้นก็โผล่หางออกมาเสียที ฉันจะเตะขาเขาให้หัก! ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”

เฉียนช่วนจื่อกลับชะงักฝีเท้า แล้วค่อยๆ เปิดปากเอ่ย “เขา…เขาขับรถพาคุณหนูซูกับซือซือออกบ้านไปแล้ว…”

ด้วยความสถานะของตระกูลซุในเมืองหลวง ได้กลายเป็นเขยของตระกูลซูก็จะไม่ต้องกลัวหน้าอินทร์หน้าพรมที่ไหนในประเทศนี้!

เฉียนช่วนจื่อหัวเราะหึหึพลางกล่าว “ถ้าหากว่าหมอนั่นเป็นลูกเศรษฐีหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนไหน แถมยังจีบคุณหนูซูอย่างเปิดเผยแล้วทำหล่อนท้อง เขาย่อมต้องไปสู่ขอคุณหนูซูกับตระกูลซูอยู่แล้ว”

หลี่เฉิงเจี๋ยรู้สึกว่าคำพูดของเฉียนช่วนจื่อฟังแล้วออกจะแปลกๆ เลยถาม “เฉียนช่วนจื่อนายรู้อะไรมาใช่ไหม?””

เฉียนช่วนจื่อรีบร้อนปฏิเสธ “ไม่ครับๆ ผมแค่เดาไปเรื่อยเปื่อย”

“สารเลว!” หลี่เฉิงเจี๋ยตบโต๊ะเสียงดัง “แกมันไอ้หมารับใช้ กินข้าวแดงแกงร้อนของฉัน นอนบ้านฉัน แต่กลับมีเรื่องปิดบังฉันเหรอ? รู้อะไรรีบพูดมา!”

เฉียนช่วนจื่อเป็นลูกน้องของหลี่เฉิงเจี๋ยมาหลายปี เขามีอะไรในใจย่อมไม่อาจเล็ดลอดสายตาของหลี่เฉิงเจี๋ยไปได้

เฉียนช่วนจื่อรู้ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยโกรธแล้ว จึงไม่กล้าปิดบังผู้เป็นนายอีกต่อไป “คุณชายหลี่ ถ้าผมเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟัง คุณอย่าบอกใครนะครับว่ารู้มาจากผม ไม่อย่างนั้นผมตายแน่”

“ยังจะพูดไร้สาระ แกจะได้ตายตอนนี้แหละเชื่อไหม!” หลี่เฉิงเจี๋ยอดนทนไม่ไหวนานแล้ว

“ครับๆ ผมพูดแล้วครับ” เฉียนช่วนจื่อก็ไม่อ้อมค้อมอีก “ก็เมื่อปีก่อนผมบังเอิญไปได้ยินข่าวบางอย่างมาเมื่อปีก่อน เขาบอกว่ามีวันหนึ่งซูมู่หลินเขาจู่ๆ ก็กินเหล้าจนเมา แล้วมีเรื่องวิวาท วันนั้นเขาพูดว่า ‘พี่สาวฉันโดนไอ้คนชั้นต่ำล่วงเกินแล้ว ฉันจะต้องฆ่าไอ้เดียรัจฉานตัวนั้นให้ได้’ แบบนี้ล่ะครับ”

พอฟังมาถึงตรงนี้ หลี่เฉิงเจี๋ยก็ตกตะลึง “ซูมู่หลินพูดแบบนี้จริงเหรอ?”

เฉียนช่วนจื่อรีบพยักหน้าหงึกหงัก “จริงๆ ครับ!”

หลี่เฉิงเจี๋ยตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่เขาเฝ้าฝันหาจะเคยโดนผู้ชายข่มขืนมาก่อน!

หลี่เฉิงเจี๋ยสติพร่าเลือนไปชั่วขณะ ถ้าหากเย่เฉินคนที่มีเรื่องกับตนเองเมื่อวานเป็นผู้ชายที่แตะต้องซูมู่ชิงล่ะ

แล้วทำไมซูมู่หลินยังยังรับหมอนั่นเป็นคนขับรถของตัวเองอีกล่ะ?

เฉียนช่วนจื่อกล่าวต่อ “คุณหลี่ คุณหนูซูดูเป็นคนใสซื่อ แต่ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วหล่อนนอนกับผู้ชายมากี่คน ไม่อย่างนั้นทำไมหมอนั่นต้องตรวจ DNA ลูกด้วยล่ะคุณชายว่าจริงไหมครับ? ผมคิดว่าด้วยคุณสมบัติของคุณชายแล้ว ไม่จำเป็นต้องคบหากับผู้หญิงที่ไม่รักนวลสงวนตัว รักสนุกแบบนี้เลย”

หลี่เฉิงเจี๋ยฟาดหน้าเฉียนช่วนจื่อ “แกไอ้หมารับใช้ แกกล้าวิจารณ์ซูมู่ชิงเลยเหรอ?”

“รีบเตรียมรถ ฉันจะตามพวกเขาไปโรงพยาบาลที่พวกเขาตรวจ DNA ด้วย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)