ตอนที่ 358 ความฝันที่จะเป็นดาราของหวังหยวนหยวน!
หวังหยวนหยวนและเย่เฉินต่างก็ประหลาดใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าพวกเขาสองคนจะได้มาพบเจอกันที่เมืองหลวง!
“พี่เย่เฉิน?”
หวังหยวนหยวนนั่งตรงตำแหน่งด้านข้างคนขับรถ ตอนนี้เป็นฤดูหนาวของทางภาคเหนือแต่หญิงสาวก็ยังคงใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น จนเห็นเรือนร่างที่อรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน
ถึงหน้าต่างรถฝั่งหญิงสาวถูกเปิดอ้าเอาไว้แต่คนในรถไม่ได้มองมาที่เย่เฉินเลย แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่ยามคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีสาวสวยบ้านรวยคนไหนจะสนใจหรอกว่ายามจะหน้าตาเป็นอย่างไร
ถ้าเย่เฉินไม่ได้เรียกชื่อหล่อน หวังหยวนหยวนและเย่เฉินก็คงจะคลาดกัน
หวังหยวนหยวนมองประเมินเย่เฉิน หญิงสาวเองก็พอจะรู้ได้ว่าช่วงนี้เย่เฉินเป็นยังไงบ้างแล้วถาม “พี่…มาเป็นยามที่เมืองหลวงเหรอเนี่ย?”
เย่เฉินพยักหน้ารับอย่างเก้อเขิน
เย่เฉินเองเคยเป็นผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เป็นเจ้าคนนายคนจนคนในตระกูลหวังนับถือ หวังหยวนหยวนยังใส่ชุดกี่เพ้าวิ่งโร่ตามเขา
แต่ตอนนี้เย่เฉินกลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหวังหยวนหยวนในชุดยาม
“เธอมาทำอะไรที่เมืองหลวงเหรอ?”
เย่เฉินถาม ตอนนี้หวังหยวนหยวนควรจะเรียนหนังสืออยู่ที่อวิ๋นโจวต่างหาก
หวังหยวนหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ฉันเรียนหนังสือที่ BEIJING FILM ACADEMY ฉันกำลังจะถ่ายละคร เตรียมเข้าวงการ!”
เย่เฉินตกตะลึง “ทำไมจู่ๆ ถึงได้ไปเรียนการแสดงเข้าวงการบันเทิง? พ่อแม่เธอยอมเหรอ?”
หวังหยวนหยวนกล่าว “ที่จริงแล้วฉันตั้งใจจะเรียนการแสดง หน้าร้อนปีก่อนก็เลยลองออดิชั่นสอบเข้าวิทยาลัยการแสดง แล้วทางนั้นก็รับฉัน แต่ะพ่อกับแม่ก็ไม่ยอม แต่ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว ที่บ้านไม่มีเงิน พวกเขาเลยต้องยอมให้ฉันทำงานในวงการ”
เย่เฉินพยักหน้ารับ เขาเข้าใจบิดามารดาของหวังหยวนหยวนเป็นอย่างดี
ที่จริงแล้วคนทั้งตระกูลหวังเย่อหยิ่ง ถึงแม้ว่าเป็นตระกูลที่ไม่ได้ร่ำรวยมากมายแต่ก็ยังตั้งมาตรฐานกับลูกชายและสาวเอาไว้มาก เหมือนตระกูลใหญ่ๆ ทั้งหลายคือพวกเขาไม่ต้องการให้คนในครอบครัวเข้าวงการการแสดง
ตอนนี้ตระกูลหวังเอง นอกจากเงินห้าพันล้านที่ซูมู่หลินให้หวังเจียเหยาเอาไว้แล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ต้องรับผิดชอบหนี้ก้อนโต
ส่วนทั้งสองสาวตระกูลหวังไม่ได้เป็นมิตรกันเท่าไหร่นัก เพราะงั้นหวังเจียเหยาย่อมไม่มีทางให้เงินน้องสาวคนนี้
พูดไปแล้วหวังหยวนหยวนเลือกจะเข้าวงการบันเทิง ก็เป็นเพราะเย่เฉินเลือกจะล้างแค้นหวังเจียเหยา
เย่เฉินจึงถาม “เมื่อกี้ผมได้ยินคุณเรียกหล่อนว่าเจิงอวี๋ (มีความหมายว่าปลานึ่ง)?”
หวังหยวนหยวนหัวเราะ “ฮ่าๆ เจินอวี่ค่ะ เจินจากเจินเจี๋ย(ผุดผ่อง) อวี่จากอวี่เหมา (ขนนก) ตอนนี้ฉันเปลี่ยนชื่อแล้วค่ะกลายเป็นหวังเจินอวี่ ชื่อในวงการฉันเอง! ชื่อก่อนหน้านี้มันบ้านๆ เกิน! ไม่งั้นเดี๋ยวไม่ดัง!”
ชือของหวังหยวนหยวนดูไม่หรูเท่าหวังเจินอวี่จริงๆ นั่นแหละ
เย่เฉินเองก็จำหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้อีกต่อไป
หวังหยวนหยวนเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมาอย่างมาก ที่หน้าตาเปลี่ยนไปเพราะหญิงสาวไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี ส่วนเรือนร่างนั้นดีกว่าเมื่อสามปีก่อนไม่รู้กี่เท่า กระทั่งนิสัยเองก็เปลี่ยนไปมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ก่อนนี้หวังหยวนหยวนก็เหน็บแนมเย่เฉินเอาไว้ไม่น้อย แต่ตั้งแต่รู้ตัวตนของเย่เฉินแล้ว ต่อให้เย่เฉินกลายเป็นยาจกกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หวังหยวนหยวนก็ปฏิบัติตัวดีกับเย่เฉินมาโดยตลอด
สาวสวยที่นั่งด้านหลังพวงมาลัยกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เจินอวี่ ฉันไม่รู้เลยนะว่าเมื่อก่อนเธอชื่อหวังหยวนหยวน แหมต้องขอบคุณสุดหล่อคนนี้จริงๆ”
เย่เฉินมองสาวสวยหลังพวงมาลัยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หวังหยวนหยวนกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “นี่คือเพื่อนในวิทยาลัยการแสดงของฉันชื่อเฉินม่านอวี้”
“สวัสดีครับ” เย่เฉินทักทายอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะ” เมื่อรู้ว่าเย่เฉินเป็นคนรู้จักของหวังหยวนหยวน หญิงสาวจึงเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก
เฉินม่านอวี้กล่าว “ต้องจอดรถบนนี้ต้องมีหลักฐานซื้อของหรือเปล่า? นี่ค่ะ”
เฉินม่านอวี้ยื่นมือเรียวยาวส่งใบเสร็จซื้อของใบหนึ่งให้เย่เฉิน บนใบเสร็จนั้นเขียนไว้ว่ามูลค่าสองล้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)