เย่เฉินเพิ่งมาถึงบริษัท
เมื่อวานเขากับฉินหงเหยียนดื่มสาเกในร้านอาหารญี่ปุ่นแถวนี้ แต่ระหว่างพวกเขาสองคนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น ต่างฝ่ายต่างก็รีบกลับไปทำงานอย่างรวดเร็ว
“ท่านประธานสวัสดีค่ะ”
“ท่านประธานสวัสดีครับ”
พนักงานในบริษัทต่างก็ทักทายอย่างสุภาพเมื่อเห็นเย่เฉิน
และในเวลานี้เองเย่เฉินก็ได้รับสายจากหวังซ่าวเจี๋ย
เย่เฉินขมวดคิ้วแล้วรับสาย
หวังซ่าวเจี๋ย “เย่เฉินรีบมาบ้านคุณย่า ฉันเจอหลักฐานที่นายเอานาฬิกาไปขายต่อแล้ว!”
เย่เฉินกล่าว “ผมยุ่งมาก ไม่ว่าง”
หวังซ่าวเจี๋ยพูดเสียงห้วน “นายไม่กล้ามาใช่ไหมล่ะ? พวกเราเชิญคนซื้อนาฬิกาจากนายมาที่บ้านแล้ว ถ้าแน่จริงก็มาเจอเขา!”
เย่เฉินแปลกใจ เขาไม่ได้ขายต่อนาฬิกาด้วยซ้ำไป หวังซ่าวเจี๋ยไปเอาพยานบุคคลที่ว่ามาจากไหน?
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวต่อ “คงจะเสียเวลานายไม่กี่นาทีหรอกน่า คุณฉินอยู่บริษัทคงไม่ต้องให้นายคอยปกป้องหรอก รีบมาเร็วๆ”
เย่เฉินไม่อยากไปตระกูลหวังแต่เขาไม่อยากให้คนตระกูลหวังคิดว่าตนเองขโมยของพวกเขาไป
“ช่างเถอะ ผมไปก็ได้ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยพวกคุณจะได้เลิกวุ่นวายกับผมสักที”
เย่เฉินวางสายแล้วคุยกับโจวหรงหรง “เลขาโจว คุณขับรถได้ไหม? ขับไปส่งผมที่วิลล่าในเขตซีซานหน่อย”
“ค่ะ!” โจวหรงหรงรีบวางงานในมือแล้วหยิบกุญแจรถขึ้นมา เดินไปกดลิฟต์ให้เย่เฉิน แล้วพวกเขาก็ตรงดิ่งลงไปที่ลานจอดรถใต้ดิน
โจวหรงหรงคือเลขาส่วนตัวของฉินหงเหยียน เงินเดือนแปดพันหยวนกว่าๆ ต่อเดือน หญิงสาวมีรถออดี้ A3 อยู่คันหนึ่ง
ครั้งนี้โจวหรงหรงใช้รถของบริษัทส่งเย่เฉิน เป็นรถเบนซ์ S600 ซึ่งเป็นรถที่ผู้บริหารนั่ง ปกติแล้วรถคันนี้ใช้เพื่อไปออกกิจกรรมต่างๆ หรือไม่ก็ส่งแขกของผู้บริหาร
เแต่เย่เฉินไม่ชอบรถคันนี้เพราะออกจะไม่เหมาะกับคนอายุในวัยเขา เขาจะต้องหาเวลาไปซื้อรถขับเองสักวัน
โจวหรงหรงนั่งที่ตำแหน่งคนขับ ส่วนเย่เฉินนั่งด้านหลัง โจวหรงหรงขับด้วยความรวดเร็วแต่ยังนุ่มอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าหล่อนมักจะลอบมองเย่เฉินผ่านทางกระจกหลัง
“น่าหงุดหงิดจริงๆ ทำไมท่านประธานต้องไปนั่งด้านหลังด้วยนะ”
โจวหรงหรงสะเทือนใจ ช่วงนี้หล่อนเอาแต่หมกมุ่นเรื่องที่คุณฉินย้ายไปเป็นเลขาส่วนตัวของเย่เฉิน ซึ่งนั่นแปลว่าอีกฝ่ายมีโอกาสใกล้ชิดกับชายหนุ่มรูปงาม
สามสิบนาทีต่อมา เย่เฉินก็มาถึงวิลล่าที่เขตซีซาน รถจอดตรงที่ปากประตูของวิลล่าอันที่บ้านพักของหญิงชรา
ในเวลานี้หวังซ่าวเจี๋ย หวังหยวนหยวน หวังเจียเหยาและคนอื่นๆ กำลังยืนรอเย่เฉินอยู่ที่ประตูแล้ว
แล้วพอเห็นรถหรูราคาสองล้านกว่าหยวนก็ตกตะลึง
จากนั้นก็เห็นโจวหรงหรงลงมาจากตำแหน่งคนขับรถ แล้วก็เดินอ้อมด้านหลังรถเพื่อไปเปิดประตูที่ด้านหลังให้เย่เฉินอย่างรวดเร็ว
จากนั้นพวกเขาก็เห็นเย่เฉินในชุดสูทเดินลงมาจากรถ
“เลขาโจว คุณรอผมที่นี่” เย่เฉินจดกระดุมชุดสูทแล้วหันมาบอกโจวหรงหรง
“ได้ค่ะ” โจวหรงหรงค้อมศีรษะรับคำอย่างนอบน้อม
เย่เฉินเดินตรงไปที่วิลล่า
หวังซ่าวเจี๋ยเห็นเย่เฉินก็ยิ้มกว้าง “ฮ่าๆ เย่เฉิน นายนี่ตอแหลเก่งจริงๆ ทำเป็นวางมาดเหมือนตัวเองเป็นผู้บริหารอย่างนั้น แถมยังใช้ให้เลขาโจวขับรถมาให้แล้วเปิดประตูรถให้อีก ไหนพูดมาว่านายให้เงินหล่อนไปกี่บาท?”
หวังหยวนหยวนใช้มือกอดอกทำให้เห็นเรือนร่างที่งดงามชัดขึ้น “ใครไม่รู้บ้างว่าว่านายเป็นสุนัขรับใช้ของคุณฉินยังจะมาเสแสร้งอีก?”
เย่เฉินฟังเสียงเหน็บแนมของหวังหยวนหยวนและหวังซ่าวเจี๋ยมานานจนชินชา ทว่าสิ่งที่ทำให้เย่เฉินแปลกใจก็คือ ครั้งนี้หวังเจียเหยากลับไม่ร่วมวงด่าตนเองด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)