หวังหยวนหยวนอยากจะเห็นใบหน้าของที่แท้จริงของคุณเย่ที่แสนลึกลับผู้นี้จนแทบทนไม่ไหว
แต่เย่เฉินเคยกำชับโจวหรงหรงว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องของเขากับคนนอก โจวหรงหรงจะกล้าขัดคำสั่งของผู้บริหารเพื่อเงินแค่นี้ได้ยังไง?
โจวหรงหรงรีบร้อนยัดเงินคืนหวังหยวนหยวนแล้วกล่าว “คุณหนูหวัง ดิฉันก็ไม่มีรูปภาพของคุณเย่เหมือนกัน แต่ว่าดิฉันบอกคุณได้เลยว่าท่านประธานของเราน่ะหล่อมากแถมยังอายุไม่ต่างกับคุณเท่าไหร่ ”
พอได้ยินคำว่า ‘หล่อมาก’ ของโจวหรงหรง ในใจหวังหยวนหยวนก็เบิกบานจนแทบจะไร้สติ
ถึงแม้ว่าจะโดนปฏิเสธเรื่องสัญญาอีกครั้ง แต่หญิงสาวที่โตแต่ไฟหน้า ส่วนสมองว่างเปล่านั้นก็จากไปอย่างมีความสุข
……
กรุงเทพ ประเทศไทย
‘ซีกวา’ นั่งเครื่องบินจนมาถึงที่นี่ และเจอท่านหลิวลูกพี่ของเขา
หลายปีมานี้ท่านหลิวบินไปมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาทำธุรกิจใต้ดินที่นี่มีลูกน้องไม่น้อย
ช่วงนี้เขากำลังทำยิมขนาดเล็กเพื่อจัดแข่งขันต่อยมวยแบบใต้ดิน ท่านหลิวกำลังดื่มเหล้าภายใต้แสงไฟมืดทึบพลางตะโกนเชียร์ผู้เข้าแข่งขันในสังกัดตนเองไปพร้อมกัน
“ท่านหลิว” ซีกวากล่าวอย่างนอบน้อมเมื่อนั่งลงบนที่นั่งด้านข้างท่านหลิว
ท่านหลิวไม่ได้สนใจซีกวา จวบจนการแข่งขันจบลงเขาถึงมองอีกฝ่ายอย่างดีอกดีใจ
“ซีกวา ทำไมถึงออกมาจากอวิ๋นโจวจนมาถึงที่นี่ได้? เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”
ซีกวาพยักหน้า เห็นท่านหลิวดื่มเหล้าก็รีบหยิบขวดเหล้าแล้วกุลีกุจอรินสุราให้อีกฝ่าย
“ท่านหลิวนี่อัจฉริยะชัดๆ ผมเจอปัญหาที่อวิ๋นโจวจริงๆ ครับ อยากจะมาขอความช่วยเหลือ”
ท่านหลิวหยิบซิการ์ขึ้นมามวนหนึ่งดม จากนั้นจึงกล่าว “สองปีนี้มีมาตรการกวาดล้างเข้มงวด เดาว่าร้านของแกคงจะโดนปิดไปเยอะแล้วสิ ฉันทายว่าลูกน้องของแกตอนนี้คงมีไม่ถึงร้อยคนล่ะมั้ง?”
ท่านหลิวชุบเลี้ยงซีกวามาตั้งแต่เล็กจนโตย่อมต้องรู้ว่าก่อนนี้ซีกวามีลูกน้องจำนวนหลายร้อยคน
ซีกวาพยักหน้าต่อ “ท่านหลิวปราดเปรื่อง ลูกน้องของผมเหลือแค่สิบกว่าคน วันนี้ถูกเรียกเด็กเหลือขอชื่อเย่เฉินกำราบจนแพ้ไปหมดแล้ว”
ท่านหลิวที่กำลังจะตัดซิการ์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่พอได้ยินแล้วก็ใช้ซิการ์ที่คีบอยู่มวนนั้นเคาะลงบนหัวซีกวาอย่างหงุดหงิด!
“แกนี่มันขยะจริงๆ! ฉันล่ะก็คิดว่าเหลือไม่ถึงร้อย อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเหลือสักเจ็ดสิบแปดสิบคนแต่แกเหลือแค่สิบกว่าคนเนี่ยนะ! แถมยังสะบักสะบอมไปหมดด้วยเหรอ? ตอนที่ฉันออกมาจากอวิ๋นโจวทิ้งลูกน้องไว้ให้แกตั้งหลายร้อย แต่แกดูแลยังไงให้คนของฉันไม่เหลือเลยสักคนเดียว!”
เคาะหัวอีกฝ่ายแล้วแต่ก็ยังไม่หายหงุดหงิด ท่านหลิวจึงตบหัวซีกวาแรงๆ อีกรอบ
ซีกวาไม่กล้าหลบได้แต่ยอมให้ท่านหลิวดุด่าโดยดุษฎี
รอจนท่านหลิวคลายโทสะ เขาถึงหยิบซิการ์ขึ้นมาแล้วตัดปลายซิการ์ให้อีกฝ่ายจากนั้นจึงกล่าว
“ไม่ใช่แค่โดนสั่งปิดร้านครับ สมัยนี้จะธุรกิจอะไรก็ลำบากทั้งนั้นบวกกับตอนนี้คนก็ไปส่งอาหารเดลิเวอรี่ทำช่องของตัวเองได้เงินเยอะแยะ คนพวกนี้ก็เลยเปลี่ยนสายงานไป มีลูกน้องอยู่สิบกว่าคนก็ถือว่าดีมากแล้ว”
ท่านหลิวสูบซิการ์แล้วพยักหน้า “ฉันรู้นานแล้วว่าเวลามันเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ยุคต่อยตีก็จะได้ดีเหมือนตอนที่ฉันอายุน้อยๆ แล้ว พวกนักเลงหัวไม้ตอนนี้ก็เป็นขยะทั้งนั้น จะมีใครเก่งพอจะเป็นกำลังสำคัญให้ได้บ้าง? ลูกน้องแกสิบคนโดนซ้อมก็ไม่แปลกหรอก ฉันเลือกคนสุ่มๆ ในนี้มาคนหนึ่งสู้กับลูกน้องแกสิบคนก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร รู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
ซีกวาขอความรู้จากอีกฝ่ายอย่างละอายใจ “ท่านหลิวช่วยชี้แนะผมด้วย”
ท่านหลิวกล่าวว่า “เพราะคนจีนอย่างเราตอนนี้มีรวยกันเกินไปน่ะสิ มีเงินแล้วจะออกมาดิ้นรนกันไปทำไม? มีแค่ความจนเท่านั้นที่จะเป็นตัวจุดไฟที่รุนแรงที่สุด! พวกเราเป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในความมืด ในที่สว่างนั้นไม่มีพื้นที่ของพวกเรา ดังนั้นเมื่อสองปีก่อนฉันถึงออกจากอวิ๋นโจว แล้วเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับพื้นที่ยากจนหลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน ที่นี่ฉันมีลูกน้องสองพันกว่าคน อีกทั้งพวกเขาคนเดียวสามารถรับมือกับคนสิบคนได้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)