ตอนที่ 462 ศัตรูหัวใจที่เก่งรอบด้าน!
หม่าอวี่คนนี้แฉว่าเย่เฉินตาบอดก็แย่แล้ว ยังมีหน้ามาบอกว่าเขาไร้สมรรถภาพ น่ารังเกียจจริงๆ !
สำหรับผู้ชายคนหนึ่งโดนคนดูถูกแบบนี้ น่าอับอายกว่าเป็นคนตาบอดเสียอีก!
ตอนนี้ซูมู่เสวี่ย รวมไปถึงเหล่ากุลสตรีจากตระกูลใหญ่หลุดหัวเราะคิกคักออกมา
แล้วยิ่งไปกว่านั้นมีคนได้ยินคำพูดของหม่าอวี่แล้วก็ถกเถียงเรื่องนั้นออกมา
“คิดว่าเย่เฉินไร้ความสามารถจริงๆ? คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะสวยแต่รูปจูบไม่หอม!”
“สงสารซูมู่ชิงจริงๆ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่กลับไม่มีความสุขในขีวิตแต่งงาน โถ”
“เสียดายจริงๆ ผู้หญิงที่มีเรือนร่างและหน้าตาแบบนางฟ้า คิดไม่ถึงว่าจะแต่งงานกับผู้ชายที่ด้อยสมรรถภาพ! โถทำไมคนที่แต่งงานกับซูมู่ชิงไม่ใช่เรา! เราสามารถทำให้หล่อนมีความสุขได้เป็นร้อยเท่า!”
เย่เฉินฟังคำเยาะเย้ยถากถางวิจารณ์ของแขกที่มีต่อตนเอง รวมไปถึงเหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวที่มีต่อเรื่องของตนเองอย่างไม่พอใจ!
เมื่อครู่เย่เฉินโดนแฉว่าตาบอด ทุกคนเองก็ยังไม่ว่าอะไร กลับกันพวกเขาล้วนแต่เห็นใจเย่เฉินอย่างมาก
แต่ทุกคนกลับไม่ได้เห็นใจเรื่องนี้ แต่กลับเยาะเย้ยและริษยาอย่่างไม่มีที่สิ้นสุด!
คุณมีภรรยาที่งดงามขนาดนี้แต่กลับทำให้หล่อนมีความสุขไม่ได้เหรอ?
ผู้ชายคนนี้มีสิทธิ์อะไรมาเป็นสามีของซูมู่ชิง!
เย่เฉินหัวเสีย หม่าอวี่ไอ้คนสารเลว คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าสาธารณะชน!
เพราะเย่เฉินในตอนนี้แกล้งเป็นคนตาบอด ดังนั้นจึงไม่สามารถจัดการหม่าอวี่ได้ เพราะเขามองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่าหม่าอวี่อยู่ตรงไหน
ดังนั้นเย่เฉินโบกมือให้หม่าอวี่แล้วกล่าว “คุณหม่ามานี่สิมา”
“ทำไมเหรอครับ?”
หม่าอวี่สาวเท้าเดินขึ้นมา
เพี้ยะ!
ทันทีที่หม่าอวี่มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เย่เฉินก็ฟาดฝ่ามือในหน้าแม่!
ฝ่ามือนี้ฟาดใส่หน้าหม่าอวี่จนแว่นตาร่วงลงบนพื้น แล้วหม่าอวี่ที่ร่างกายบอบบางล้มลงไปกองกับพื้น
เย่เฉินกล่าวอย่าไม่พอใจ “คุณหม่า รู้สึกได้ถึงพลังของลูกผู้ชายได้หรือยัง?”
ไอ้สารเลวกล้าจะเหยียดหยามเย่เฉินว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย นี่มันรนหาที่ชัดๆ!
เมื่อเห็นหม่าอวี่โดนตบ จางเชี่ยนจือก็ยืนขึ้นมาแล้วตำหนิเย่เฉิน “เย่เฉิน! ใครอนุญาตให้ลงไม้ลงมือ! นี่คืองานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่เธอ หม่าอวี่เป็นแขกสำคัญของตระกูลซูเรา แกเข้าใจมารยาทบ้างไหม! รีบไปขอโทษหม่าอวี่เลย!”
เย่เฉินโกรธจัดแล้วย้อนถาม “คุณแม่ครับ คุณแม่คือแม่ยายของผม ผมเป็นลูกเขย คุณเองก็ได้ยินคำพูดของหม่าอวี่เมื่อครู่ เขาดูถูกว่าลูกเขยคุณด้อยสมรรถภาพ คุณไม่ช่วยผมแต่ช่วยเขาเหรอ? มีแม่ยายแบบคุณที่ไหนกัน!”
เย่เฉินเลยย้อนถามจางเชี่ยนจือ แล้วตำหนิหล่อนว่าไม่ได้ทำหน้าที่แม่ยายที่ดี!
แขกที่อยู่ในงานล้วนแต่เป็นคนในสังคมระดับสูงต่างก็เป็นคนมีสติปัญญาทั้งสิ้น เชื่อว่าจะไม่หลับหูหลับตาเข้าข้างคนตระกูลซู
ใครจะรู้จางเชี่ยนจือแค่นเสียง “ดูหมิ่นเหรอ? เหอะๆ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าหม่าอวี่ดูหมิ่นฉันหรือเปล่า? บางทีเขาอาจจะพูดเรื่องจริงก็ได้ ฉันเป็นแม่ยายของนายก็จริง แต่เรื่องประเภทนี้อย่าหวังว่าฉันจะออกตัวแทนนาย ฉันก็ไม่สามารถพิสูจน์ว่าแกพูดเรื่องจริงหรือเปล่า!”
“แก…”
คำพูดของจางเชี่ยนจือทำให้เย่เฉนพูดไม่ออก ถ้ารู้แบบนี้เมื่อคืนนั้นควร…
ซูมู่เสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงด้วย เย่เฉิน เรื่องแบบนี้คุณแม่ก็ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ คนที่จะช่วยพิสูจน์ได้ก็มีแค่มู่ชิงคนเดียว โทษแม่ไปก็ไร้ประโยชน์”
เวลานี้ในที่สุดแล้วซูมู่ชิงก็ยืนขึ้น ใบหน้าของหล่อนเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าแล้วกล่าวกับหม่าอวี่
“หม่าอวี่ คุณไม่เข้าใจเรื่องโหงวเฮ้งหรือชีพจร ฉันขอบอกคุณว่าสามีของฉัน…เขา…ทำดีทำเก่งมาก!”
ในตอนนี้เองทันใดนั้นเองเย่เฉินก็รู้สึกว่าของสีขาวหนึ่งอย่างกำลังลอยมาทางนี้!
ทันใดนั้นเองเย่เฉินยังลนลาน เดิมยังคิดว่าของสิ่งนี้มาโจมตีตนเอง แล้วยังลังเลว่าทำเป็นมองไม่เห็น หรือว่าจะหลบทันดี
แต่แล้วก็รู้ว่าของสิ่งนี้กลับไม่ได้กระแทกใส่หลังมือหม่าอวี่!
“โอ้ย!”
หม่าอวี่ร้องเสียงหลง กลายเป็นช้อนที่ใช้กินข้าวตกกระแทกใส่หลังมือของหม่าอวี่ ทำให้เขาต้องคลายมือที่จับซูมู่ชิง
แล้วในตอนนี้ก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังมาจากฝั่งตระวันตกเฉียงเหนือ “ไอ้เด็กไม่รู้จักกำลังตัวเอง แกลุกขึ้นยืนยังตัวสูงแค่จมูกของคุณหนูซูมู่ชิงเอง ยังจะมีน้ำหน้าไปชอบหล่อนอีกเหรอ?”
มือของหม่าอวี่แดงก่ำตะโกนเสียงดัง “ใคร ใครเอาช้อนมาตีฉัน!”
และในเวลานี้เองผู้ชายที่หุ่นก็ถือว่าดีคนหนึ่งลุกยืนขึ้น “ผมเอง!”
“นายคือใคร?” หม่าอวี่ย้อนถามอย่างสงสัย
ชายหนุ่มตอบ “เจิ้งหงจากอวิ๋นโจว!”
เย่เฉินหันมองอีกฝ่ายอย่างอดไม่ได้ หมอนั่นก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันจากอวิ๋นโจว เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างคนนั้น
อยู่ไกลจากเขาตั้งมากแต่ยังสามารถโยนช้อนใส่มือหม่าอวี่ได้พอดิบพอดีแบบนี้ หมอนี่ก็เหมือนจะมีความสามารถอยู่เหมือนกัน
จางเชี่ยนจือกลัวหม่าอวี่และเจิ้งหงจะทะเลาะกันจึงรีบร้อนกล่าว “เจิ้งหงเอ้ย ถึงเวลาเธอจะได้แสดงความสามารถแล้วล่ะ รีบมานี่สิมา หลานชายกลับมานั่งพักผ่อนเถอะนะ”
เจิ้งหงเองก็สาวเท้าเข้ามาแล้วค้อมตัวทำความเคารพซูเจิ้นหางอย่างนบนอบ
ซูเจิ้นหางพยักหน้ารับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เจิ้งหง เธอมีอะไรถนัดที่อยากจะแสดงล่ะ?”
เจิ้งหงกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผมยินดีมากครับ ท่านซู ผมไม่มีอะไรที่ไม่ถนัดหรอกครับ เพราะว่าผมทำเป็นทุกอย่างเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)