ตอนที่ 489 พบญาติผู้ใหญ่!
เย่เฉินพาซูมู่ชิงมาถึงห้องรับประทานอาหารของปราสาท
ห้องรับประทานอาหารนี้มีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากทีเดียว เพราะแสงและเงาของที่นี่มีการจัดวางอย่างพิเศษ เมื่อมองไกลๆ เหมือนเป็นภาพที่ฉายผ่านจอภาพยนตร์
ไฟของห้องรับประทานอาหารนี้วิจิตรตระการ แบบของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับไฟที่มีมาแต่สมัยโบราณ แต่พอมองอย่างละเอียดแล้วก็จะพบว่ามันเป็นของที่ค่อนข้างมีนวัตกรรมขั้นสูงมากทีเดียว
โต๊ะอาหารมีขนาดใหญ่ คุณปู่ คุณแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ รวมไปถึงคุณอาของเย่เฉิน และซูหมิงเจ๋อกับซือซือต่างก็นั่งกันอยู่พร้อมหน้า
ส่วนอาหารบนโต๊ะนั้นก็ละลานตา มีทุกอย่าง หน้าตาดูน่าอร่อยท้ังสิ้น
ยุคนี้แล้วคนที่อาศัยอยู่ในปราสาทไม่จำเป็นต้องเจ้าชายและเจ้าหญิง แต่ก็สามารถดื่มด่ำกับความหรูหราแบบนั้น!
เย่ฉงไห่มองหลานชาย เขาผุดลุกขึ้นจากที่นั่งบริเวณหัวโต๊ะอย่างมีความสุข และเดินปรี่มาหาหลานชาย
เย่ฉงไห่จับร่างกายหลานชายไม่หยุดแล้วถามอย่างห่วงใย “เฉินเอ๋อร์ ตาหลานไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”
เย่เฉินกล่าว“ไม่เป็นไรแล้วครับคุณปู่”
เย่ฉงไห่ถอนหายใจ “หลานเอ้ย หลานไม่ได้กลับบ้านมาสามปีกว่าแล้ว สามปีที่ผ่านมานี้หลานคงลำบากมาก แต่ปู่มั่นใจมากเลยว่าหลานต้องได้เรียนรู้อะไรมาไม่น้อยเลย”
เย่เฉินพยักหน้ารับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วเดินตรงไปหามารดาแล้วสวมกอดอีกฝ่าย“แม่ครับ”
แม่ของเย่เฉินเป็นผู้หญิงที่ดูมีอำนาจ สวมเสื้อผ้าสีเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด หล่อนตบบ่าลูกชายเบาๆ “แม่คิดถึงลูกจะตายอยู่แล้ว”
ตามกฏตระกูลเย่แล้ว ในระหว่างที่ลูกชายกำลังทำการทดสอบอยู่ พ่อกับแม่จะไม่สามารถไปแอบพบลูกชายได้
ดังนั้นสองคนแม่ลูกจึงไม่ได้เจอหน้ากันมาน่าจะสามปีกว่าแล้ว
เมื่อกอดแม่ครู่หนึ่งแล้ว เย่เฉินก็หันไปทักทายเย่เทียและภรรยา
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้”
เย่เทียนมองเย่เฉินแล้วกล่าว “น้องสามต้อนรับกลับบ้านนะ นายผ่านการทดสอบในเรื่องธุรกิจได้เป็นอย่างดีเลยนี่!”
“ขอบคุณครับ”
เย่เฉินหันมองไปที่อาสาว “คุณอาก็อยู่ด้วยเหรอครับเนี่ย”
อาสาวของเย่เฉินเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี หล่อนดูเหมือนลูกผู้รากมากดี “หลานกลับบ้านถือเป็นวันดีของบ้านเรา อาต้องมาหาหลานอยู่แล้วล่ะ”
เย่เฉินส่งยิ้มแล้วแนะนำภรรยากับคนในครอบครัว “คุณปู่ครับ คุณแม่ คุณอา ผมขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับซูมู่ชิง ภรรยาของผมครับ”
วินาทีนี้ซูมู่ชิงประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก หล่อนอยู่ในห้องอาหารของปราสาทที่ทั้งเก่าแก่และหรูหรา มาพบหน้าคนในตระกูลเย่ของสามี ที่ทุกคนล้วนแต่ดูสูงสง่ากันไปหมด เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูมีราคา ยทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้หล่อนประหม่ามากขึ้นเป็นเท่าทวี
ซูมู่ชิงรีบค้อมตัวทำความเคารพคนตระกูลเย่ “คุณปู่สวัสดีค่ะ คุณแม่สวัสดีค่ะ คุณอาสวัสดีค่ะ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ สวัสดีค่ะ”
เห็นท่าทางตื่นเต้นและประหม่าของซูมู่ชิงแล้ว เย่ฉงไห่ก็กล่าวอย่างอารมณ์ดี “มู่ชิง คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่ต้องรักษาามารยาทอะไรหรอก นั่งกินข้าวเถอะนะ”
เย่เทียนกล่าว “นั่นสิ มู่ชิง คุณปู่กับคุณแม่เป็นคนสบายๆ ได้ยินคุณอาบอกว่าเมื่อกี้เธอดื่มเหล้าอยู่ที่บาร์เหรอ เราเองก็กำลังดื่มเหล้าอยู่ มาสิ มาดื่มด้วยกัน”
ซูหมิงเจ๋อกลับมีท่าทีเขินอายเขาหันไปตำหนิบุตรสาวทันที “มู่ชิงแกนี่เหลวไหลมากนะ! วันนี้มาพบพ่อแม่สามีเป็นครั้งแรกยังจะไปดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ อีก! เธอเห็นเพื่อนๆ สำคัญหรือว่าคุณปู่สำคัญ! เป็นสาวเป็นนางยังดื่มเหล้าจนตัวเหม็นเหล้าหึ่งเลย เหลวไหลจริงๆ รีบขอโทษเลยนะ!”
แม่ของเย่เฉินเห็นเหตุการณ์เข้าก็รีบร้อนเดินไป แล้วจับมือซูมู่ชิงอย่างใจดี “แม่หนู ไม่ต้องขอโทษหรอก คนในบ้านกันเองทั้งนั้น พอเธอพูดแบบนี้เหมือนเห็นเราเป็นคนนอกเลยนะ คนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ จะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมกัน?”
เย่ฉงไห่เองก็กล่าว“จริงด้วยหมิงเจ๋อ ผู้หญิงตระกูลเย่ของเราก็ดื่มเหล้ากันทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย มาสิมา มู่ชิง นั่งลงเถอะนะ เธออยากจะกินอะไรบอกมาเลย เดี๋ยวปู่สั่งให้ที่ครัวไปทำให้”
ซูมู่ชิงโดนเย่เฉินลากให้นั่งลงบนเก้าอี้ มองอาหารที่ละลานตาเต็มโต๊ะ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาหารเยอะแยะขนาดนี้หนูยังไม่รู้เลยว่าจะทานอะไรดีค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)