“อะไรนะ?”
ทั้งฟางเชาและหวังเจียเหยาก็ตะลึงค้างไป
ฉินหงเหยียนและโจวหรงหรงที่อยู่ด้านหลังเย่เฉินต่างก็ยิ้มออกมา
ฟางเชาเองก็หัวเราะเช่นกัน “ฮ่าๆ แกเนี่ยนะจะเป็นเถ้าแก่ของร้านอวิ๋นจงอวิ๋น! โกหกให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ! ฉันหาข้อมูลมาแล้วว่าเจิ้งหงไม่ได้ขายร้านแค่ร้านเดียวแต่ร้านอาหารทุกร้านที่เขามีในอวิ๋นโจวถูกซื้อโดยคนเพียงคนเดียว! ว่ากันว่าเป็นมูลค่าหกสิบล้านเชียว! ขี้ครอกอย่างแกมีเงินหกสิบล้านหรือไง?”
หวังเจียเหยาเองก็ไม่เชื่อว่าเย่เฉินจะมีเงินหกสิบล้าน
ถึงแม้หล่อนจะรู้ว่าเย่เฉินมีเหตุผลในการซื้อร้านอาหารแน่ๆ อยู่แล้ว นั่นเพราะเขาต้องการเอาชนะจงเหว่ย!
“ฮ่าๆ ไม่เชื่ออีกแล้วเหรอ?”
เย่เฉินโดนพวกลูกเศรษฐีพวกนี้ดูถูกมามากพอแล้วจึงเรียกหญิงวัยกลางคนที่กำลังกวาดพื้นอยู่มาหา “คุณน้าครับ มานี่หน่อยสิครับ”
หญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวเดินมา หล่อนเคยเจอเย่เฉินมาแล้วเมื่อตอนเช้าจึงรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของร้าน จึงค้อมตัวลงทำความเคารพอย่างนบนอบ “เถ้าแก่”
เย่เฉินชี้ฟางเชาแล้วกล่าวกับหญิงวัยกลางคน “เอาไม้กวาดตบหน้าเขาแล้วผมจะเพิ่มเงินเดือนให้คุณน้าสิบเท่า”
“สิบเท่าเหรอคะ?”
หญิงวัยกลางคนดีอกดีใจแล้วใช้ไม้กวาดในมือตบหน้าฟางเชา
“โว้ย! ถุย!”
ฟางเชาเหลือเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าเชื่อว่าเขาที่เป็นถึงคุณชายของตระกูลฟางจะโดนพนักงานตบเข้าให้
ฟางเชาหลบไปพลางถ่มขยะที่ติดมากับปลายไม้กวาดที่เข้าไปในปากตนเองออกมาแล้วโวยวาย
“ไม้กวาดขยะ นี่อยากตายใช่ไหม! ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร?”
หญิงวัยกลางคนพูดด้วยสำเนียงท้องถิ่น “ข่อยไม่รู้ ข่อยมาปัดกวาดทำความสะอาดที่นี่ เถ้าแก่ให้เงินข่อย เขาให้ข่อยทำอะไรข่อยก็ทำตามนั้นเด้อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)