หากร้านอาหารเกิดเรื่องที่มีคนตายจากการมากินอาหารแล้วนั้นจะต้องส่งผลกระทบต่อกิจการอย่างรุนแรงเกินประมาณ
เริ่มที่หนึ่งปากบอกต่อเป็นสิบปาก จากสิบปากเป็นร้อยปากบวกกับมีคนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลพร้อมกันเป็นร้อยคน
ชื่อเสียงของโหลวว่ายโหลวจะต้องฉาวโฉ่ทั่วอวิ๋นโจวแน่
ในระยะเวลาสั้นๆ นี้จะไม่มีแขกไปกินอาหารที่โหลวว่ายโหลว ต่อให้จงเหว่ยใช้เงินเพื่อทำการประชาสัมพันธ์ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงไม่ดีนัก
โหลวว่ายโหลวเป็นร้านอาหารที่นิยมที่สุดในสังกัดของจงเหว่ยในอวิ๋นโจว เมื่อร้านนี้จบเห่แล้ว ร้านอื่นคงจะจัดการได้อย่างง่ายดาย
เดิมทีเย่เฉินไม่ได้กะจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้ เขาอยากจะใช้วิธีการที่ขาวสะอาดในการเอาชนะอีกฝ่าย
ยกตัวอย่างเช่นเขาสามารถจ้างนักร้องมาที่ร้านอาหารเป็นประจำทุกวัน จ้างเชฟฝีมือดีมาทำอาหาร
เงินพวกนี้เขาสามารถผลาญได้อย่างไม่เสียดาย ต่อให้เขาไม่ได้กำไรแต่ก็สามารถทำให้จงเหว่ยเจ๊งได้
แต่ในเมื่อจงเหว่ยเริ่มก่อนจะโทษเขาไม่ได้
ในวินาทีนี้เย่เฉินจึงได้กลายเป็นเจ้าพ่อในวงการอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งในอวิ๋นโจวแล้ว
หลังจากนั้นเย่เฉินก็ชวนดารามาร่วมกันลงทุนเปิดร้านคาราโอเกะ แล้วเตะเจ้าพ่อแห่งวงการร้านคาราโอเกะในอวิ๋นโจวออกไปจากแวดวงธุรกิจบันเทิงของอวิ๋นโจว
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในงานเลี้ยงตระกูลหวัง ณ วิลล่าเขตซีซาน
ซูหลานกินข้าวไปพลางกล่าว “พวกเธอได้ยินแล้วหรือยัง? เจ้าของร้านคาราโอเกะจินคว่างหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว! โหลวว่ายโหลวของจงเหว่ยก็ต้องขายต่อ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ เมื่อครึ่งเดือนก่อนพวกเขายังเป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่ในอวิ๋นโจวกันทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีสภาพน่าอนาถแบบนี้”
หวังหยวนหยวนจิบซุป “ล่วงเกินใครเข้าล่ะสิ ไม่อย่างนั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อนจะมีร้านคาราโอเกะกับร้านอาหารใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเยอะแยะขนาดนี้ได้ยังไง?”
หวังจื้อเฉียงวางตะเกียบลงและตะคอก “เมื่อสองวันก่อนจงเหว่ยก็มาขอยืมเงินผมบอกว่าเขาโดนเย่เฉินล้างแค้น แถมยังบอกว่าเขาช่วยพวกเราถึงได้มีสภาพแบบนี้ น่ารังเกียจจริงๆ เย่เฉินเป็นแค่บอดี้การ์ดจะมีความสามารถยิ่งใหญ่จากไหนมาล้างแค้นเขา?”
หวังจื้อหย่วนกล่าวพลางผงกศีรษะ “พี่พูดถูก ถ้าหากว่าเย่เฉินจะล้างแค้นขึ้นมาจริงๆ ก็ควรจะล้างแค้นตระกูลหวังเราเป็นที่แรกสิ ผมว่านะเพราะจงเหว่ยอยากจะขอยืมเงินถึงได้จงใจพูดแบบนี้”
คุณนายหวังขมวดคิ้วแล้วก็เงียบไปไม่พูดไม่จา หล่อนเองก็กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายในอวิ๋นโจวใช่เย่เฉินหรือไม่?
ทว่าคิดอยู่นานหล่อนเองก็ไม่ได้คำตอบ
คุณนายหวังมองหวังเจียเหยาที่เอาแต่เหม่อลอยแล้วกล่าวว่า “เจียเหยาคิดอะไรอยู่?”
หวังเจียเหยาดื่มซุปอย่างใจลอย ซูหลานใช้แขนสะกิดลูกสาว หล่อนถึงได้สติกลับมา
หวังหยวนหยวนหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าว “พี่คิดเรื่องที่คุณฟางเชาขอแต่งงานอยู่แน่ๆ เลยล่ะสิ? ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขาขอพี่แต่งงานไปแล้วเก้าครั้ง แต่พี่ก็ไม่ยอมตกลงเสียที”
ในระยะเวลาครึ่งเดือนนี้เย่เฉินได้ลงมือโจมตีกิจการของคนที่บอกว่าจะตัดทางทำมาหากินของเขาในงานวันเกิดของคุณนายหวังจัดการตัดหนทางทำมาหากินของพวกเขา
ในเวลาเดียวกันฟางเชาก็เอาแต่ขอหวังเจียเหยาแต่งงานอย่างไม่ลดละ
หลังจากที่ขอแต่งงานที่อวิ๋นจงอวิ๋นไปแล้วหนึ่งครั้งก็ไปขอกันที่ร้านอาหารตะวันตก คาเฟ่และอื่น ๆ อีกมากมาย
คุณนายหวังกล่าวว่า “เจ้าเด็กฟางเชาคนนี้ใช้ได้ พื้นฐานครอบครัวก็ดีและรักแกขนาดนี้ พ่อของฟางเชาโทรมาหาย่าแล้วบอกว่าแกไม่ยอมตกลงเสียที ทำให้ตระกูลฟางเสียหน้า”
อย่างไรเสียตระกูลฟางก็ที่ถือว่าอยู่สูงกว่าตระกูลหวัง ถึงหวังเจียเหยาจะเป็นสาวงามลำดับหนึ่งในอวิ๋นโจวแต่ก็เป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้ว
พวกเขาจึงไม่ชอบท่าทางเย่อหยิ่งของหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยาผงกศีรษะ “ในงานคอนเสิร์ตของเทพนักร้องพรุ่งนี้ ตอนที่เขาขอแต่งงานรอบที่สิบหนูจะรับปากแล้วกัน”
บนใบหน้าคุณนายหวังเผยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ ดี ตระกูลหวังของเราจะมีงานมงคลอีกแล้ว! พวกเรามาดื่มฉลองกันล่วงหน้าอวยพรให้เจียเหยามีความสุขในชีวิตแต่งงานกันเถอะ!”
ทุกคนเทไวน์กระทั่งหวังจื้อเฉียงที่มักจะตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับหวังเจียเหยาก็ยังลุกขึ้นยืนเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)