ฟางเชาเป็นคนที่รักหน้าตัวเองอย่างมาก ในวงสังคมของลูกเศรษฐี เขาชอบโอ้อวดเป็นที่สุดแล้ว
วันนี้ได้แต่งงานกับหญิงงามลำดับหนึ่งของเมืองอวิ๋นโจว ข้อเสียเดียวที่คนเอาไปพูดต่อกันก็คือหวังเจียเหยาเคยแต่งงานมาก่อน
ดังนั้นฟางเชาถึงได้บอกเพื่อนๆ ล่วงหน้าว่าในงานแต่งงานวันนี้เขาจะดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉินต่อหน้าธารกำนัล
แต่ใครจะรู้ว่าฟางเชาไม่ได้เป็นคนดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉิน แต่กลับโดนเย่เฉินดูหมิ่นเหยียดหยามแทน?
แถมยังต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าลงรินเหล้าให้เย่เฉินอีก?
ฟางเชาทำไม่ลง!
“เขาจะหลอกฉันหรือเปล่านะ?”
ความคิดนี้เด้งขึ้นมาในหัว เพราะในสายตาเขาเย่เฉินไม่มีทางเป็นประธานบริษัทแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นลูกเศรษฐีได้
ตระกูลเศรษฐีที่ไหนจะยอมปล่อยให้ลูกชายตัวเองแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงแบบนี้?
“คุณเย่เก็บตัวลึกลับไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเย่เฉินจึงได้เตี๊ยมกับฉินหงเหยียน ให้ฉินหงเหยียนช่วยเขาปลอมตัวเป็นคุณเย่แล้วมาทำเก่งในงานแต่งงานของฉัน! ส่วนแพศยาฉินหงเหยียนน่าจะถูกใจเย่เฉินนานแล้ว ตอนนี้สองคนนี้น่าจะมีอะไรในกอไผ่กัน ฉินหงเหยียนไม่ช่วยเขาก็บ้าแล้ว! ข้อมูลใน THE EYE อาจจะเป็นฝีมือฉินหงเหยียนที่ประสานให้เขาหรืออาจจะใช้แฮกเกอร์ก็ได้ ท่าทางคุณหม่าตอนนี้เหมือนจะแปลกๆ ส่วนสูงก็ไม่ใช่อาจจะเป็นตัวปลอม พวกหม่าเสินกับจงเหว่ยตอนนี้ธุรกิจเจ๊งคงกลายเป็นยาจกไปนานแล้ว เย่เฉินเองก็มีฝีมือไม่เบา เป็นไปไปได้ว่าที่พวกเขาแสดงละครเพราะโดนเย่เฉินบังคับและล่อลวงมา!”
พอวิเคราะห์แยกแยะ ‘ข้อมูลเรื่องหลักฐานของคุณเย่’ ที่มีทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ฟางเชาก็หัวร้อนแล้วเหยียดยิ้ม
“ฮ่าๆ เย่เฉินตอนนี้นายกำลังหลอกลวงพวกเราอยู่ใช่ไหม? นายไม่ใช่ประธานบริษัทอะไรสักหน่อย นายเป็นแค่บอดี้การ์ด! แต่ยังตั้งใจมาแสดงละครกับฉินหงเหยียนแบบนี้ ทำไมอยากให้หวังเจียเหยาเสียใจทีหลังหรือไง?”
พอฟางเชาพูดแบบนี้คนทั้งงานก็ตกตะลึง
หลิ่วหรูซือโกรธอย่างมาก “ฟางเชา! แกพูดจาเหลวไหลอะไร! ท่าทีที่คุณหม่าปฏิบัติต่อคุณเย่เมื่อครู่ แกไม่เห็นเหรอ?!”
“ผมไม่ได้เหลวไหล!” ฟางเชาเริ่มอธิบาย “พ่อแม่ไม่รู้สึกว่าส่วนสูงกับหน้าตาของคุณหม่าไม่เหมือนในข่าวเหรอครับ?”
ทุกคนไม่เคยเจอตัวจริงคุณหม่า พอฟางเชากล่าวเช่นนี้ก็เริ่มสงสัยกัน
“เลิกพูดได้แล้ว เมื่อครู่ฉันไม่ได้สังเกตท่าทางของคุณหม่า แค่รู้สึกว่าคลับคล้ายคลับคลาก็เลยคิดว่าใช่”
“ฉันตั้งใจดูอยู่นะ! เคางของเขาไม่ค่อยเหมือน คางของคุณหม่าไม่ได้แหลมขนาดนั้น”
“ส่วนสูงก็ไม่น่าจะใช่เหมือนคุณหม่าจะไม่ได้สูงขนาดนั้นนะ? เขาสูงแค่ร้อยห้าสิบกว่าซม.เองไม่ใช่เหรอ? แต่คนเมื่อกี้น่าจะสูงสักร้อยเจ็ดสิบซม.ได้!”
“ใช่แล้วคนแบบคุณหม่ายุ่งจะตาย จะมาร่วมงานแต่งงานลำพังได้ยังไง อีกอย่างเขาโผล่มาแค่เดี๋ยวเดียวแล้วรีบร้อนจากไป แถมรอบตัวเขาก็ไม่มีใครที่เรารู้จักสักคน”
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของฟางเชาอย่างมาก
ฉินหงเหยียนทนดูต่อไปไม่ไหว “ฟางเชา นายโง่หรือเปล่า? นายคิดว่าข้อมูลใน THE EYE ปลอมแปลงได้อย่างนั้นเหรอ?”
ฟางเชาหัวเราะ “การตบตาที่คุณฉินลงเล่นด้วยจะต้องสมบูรณ์ไร้รอยโหว่ ก็แค่แอพพลิเคชั่นเท่านั้น จะแก้ไขข้อมูลด้านในสักสองสามนาทีจะไปยากอะไร?”
ในเวลานี้คนที่ยังคุกเข่าอยู่ข้างตัวเย่เฉินอย่างหม่าเสินและจงเหว่ยก็ออกตัวแทนเขา
หม่าเสินกล่าว “ฟางเชานายนี่มันโง่! ยังจะกล้าสงสัยคุณเย่อีก! ตอนนั้นฉันไม่เชื่อว่าเย่เฉินคือคุณเย่ถึงได้ล่มจมจนมีสภาพนี้! ถ้านายยังไร้สติแบบนี้อีก พอถึงเวลาตายขึ้นมาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นอะไรตาย!”
จงเหว่ย “ฟางเชาผมว่าคุณก็ไม่เหมือนคนโง่นะ เกรงว่าคุณเองก็คงจะรู้สึกว่าเหตุผลต่างๆ นานาที่คุณคิดออกจะดันทุรังมากไปหน่อยใช่ไหม? คุณตีท้ายครัวเขาแล้วยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นถึงได้เหยียดหยามเขาต่อใช่ไหม?!”
คำพูดของจงเหว่ยทำให้ฟางเชาเหงื่อแตก ต้องโทษที่ปกติแล้วพวกเขาสองคนสนิทสนิมกัน คิดไม่ถึงว่าคนโง่อย่างจงเหว่ยจะอ่านฟางเชาออกในปราดเดียว!
“รปภ. ลากลูกหมาสองตัวที่คุกเข่าบนพื้นนี่ออกไปที! พวกแกสองคนอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เย่เฉินให้เงินพวกแกมากี่บาทกัน!”
ฟางเชาตะโกนกร้าว ทันใดนั้นเองก็มีชายร่างใหญ่สองคนลากหม่าเสินและจงเหว่ยออกไปทันที
ในเวลานี้เองหวังเจียเหยาเองก็ร้อนใจจนแทบร้องไห้ออกมา หล่อนเองก็คิดว่าเย่เฉินไม่เหมือนประธานบริษัทนัก เพราะสามปีมานี้เย่เฉินดีกับหล่อนเหลือเกิน
ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นประธานบริษัท พื้นฐานครอบครัวร่ำรวย ไหนเลยจะดีกับหล่อนเหมือนสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)