อาจารย์จ้าวเดินทางมาจากเมืองหลวงเพื่อร่วมตรวจความเรียบร้อยของวิหารเก้าเทพร่วมกับองค์ชายสิบห้าเป็นครั้งสุดท้าย องค์ชายทรงให้กังเฉินเป็นผู้แจกจ่ายค่าแรงให้กับจิตรกรที่เหลือ ชิงหลานที่วาดภาพได้หลายภาพได้รับเงินมากกว่าผู้อื่น นางเกรงว่าจะถูกเขม่นจึงรีบเก็บถุงเงินโดยเร็ว
อาจารย์หลูและคนอื่นๆ ล่ำลานางและเสี่ยวลิ่ง พวกเขามาอยู่ที่นี่นาน หลายคราที่ชิงหลานและเสี่ยวลิ่งเอาของกินมาเผื่อในยามเที่ยงวันให้ได้ลิ้มรสอาหารฝีมือ จังฮูหยิน พวกเขาล้วนอาลัยอาวรณ์ เสี่ยวลิ่งมองเหล่าองครักษ์ด้วยความเสียดาย นางทำกำไรจากการขายปิ่นโตไปได้ไม่น้อย อีกทั้งองครักษ์จงก็ต้องตามเสด็จกลับเมืองหลวงในเช้าวันพรุ่งนี้
องค์ชายทรงให้กังเฉินนำเงินไปให้จังฮูหยินหลายตำลึงเพื่อช่วยให้เตรียมอาหารสำหรับเลี้ยงส่งคนทั้งหมดในวันนี้ จังฮูหยินจึงได้ว่าจ้างเพื่อนบ้านให้มาช่วยเป็นลูกมือและลำเลียงอาหารมายังเรือนรับรองซึ่งเป็นที่พักขององค์ชาย
“ท่านว่าเป็นลาภปากหรือไม่? ครั้งนี้องค์ชายทรงขอให้จังฮูหยินทำอาหารเลี้ยงส่งพวกเราเชียวนะ” องครักษ์กังผู้น้องหันไปหาสหายองครักษ์ที่ออกเงินช่วยกันเป็นค่าปิ่นโตด้วยความยินดี
“จากนี้ไม่รู้เมื่อใดจึงจะได้กลับมาอำเภอเฉินอีก?” จงเหยียนรำพึง เขาเป็นองครักษ์ที่ติดตามองค์ชายอย่างใกล้ชิด หากคิดจะลางานก็คงต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเดือน
“อ้อ! ลืมไปว่าท่านทิ้งหัวใจไว้ที่อำเภอเฉิน” กังซือเฉินที่ได้ยินจากปากญาติผู้พี่ว่าจงเหยียนได้เข้าจวนสกุลชิงไปขออนุญาตจังฮูหยินคบหากับเสี่ยวลิ่งแล้วถึงกับหัวเราะ เขาเพิ่งนึกออกว่าเหตุใดจงเหยียนจึงโมโหนักตอนที่เห็นเขารับปิ่นโตจาก เสี่ยวลิ่ง?
“พี่เฉิน ท่านน่าจะบอกข้าเร็วกว่านี้ รู้ไหมว่าข้าเกือบถูกสหายท่านต่อยหลายทีแล้ว? หากองครักษ์จงไม่พูดคุยกับเสี่ยวลิ่งจนรู้เรื่องก่อนเห็นทีข้าอาจจะถูกเขาเสียบสักแผลสองแผล”
“เจ้ามันทึ่ม! ไม่รู้จักสังเกตสีหน้าผู้อื่น ข้าว่าจะบอกเจ้าหลายหนแล้วแต่ก็ลืมทุกที” กังเฉินหัวเราะหึๆ เขารู้ว่าสหายเคยหึงหวงถึงขั้นต้องเอากระบี่ไปยืนฟันต้นหญ้าอยู่ข้างวัดเหี้ยนเตียนไปหลายคราว ครั้นเล่าเรื่องนี้ให้กังซือเฉินฟัง ญาติผู้น้องของเขาถึงกับเสียวสันหลัง
“อะ! อะ! แบบนี้ข้าไม่กล้าเข้าใกล้เสี่ยวลิ่งแล้วล่ะ องครักษ์เสื้อแพรทุกคนรู้โทสะสหายของพี่ดี จงเหยียนผู้รักการทารุณคนร้ายผู้นั้น หากกินน้ำส้มเข้าไปไม่รู้จะลากข้าไปทารุณที่ใด?”
กังเฉินตบบ่าญาติผู้น้องหนักๆ “รู้ก็ดีแล้ว! คนเขามีเจ้าของ ซ้ำเจ้าของยังดุถึงเพียงนั้น เจ้าไม่เข้าใกล้ก็สมควรแล้ว”
ในงานเลี้ยงเย็นวันนั้นนายอำเภอเฉินได้ให้เหลาสุราของบุตรชายนำสุราหมักสูตรพิเศษออกมาให้ทุกคนได้อิ่มหนำสำราญ จั๋วเหรินหาวดูจะมีความสุขยิ่งกว่าทุกคนเพราะเขากำลังจะได้เข้าไปในเมืองหลวงเพื่อสมัครเป็นมือปราบอย่างที่ใฝ่ฝัน แต่ด้วยความที่มารดาของเขาไม่ค่อยไว้วางใจนักจึงได้ให้บ่าวรับใช้สองคนตามไปคอยสอดส่องการใช้ชีวิตในเมืองหลวงด้วย
องค์ชายสิบห้าชูจอกสุราชวนทุกคนที่ร่วมงานขึ้นดื่ม “ในที่สุดการบูรณะและวาดภาพฝาผนังในวัดลู่เซี่ยนก็เสร็จลง ข้าขอบใจทุกคนที่ช่วยให้งานนี้สำเร็จลุล่วง นายอำเภอเฉินรบกวนท่านช่วยดูแลข้าเสียนาน”
“มิได้พะยะค่ะ หม่อมฉันยินดีที่ได้ถวายการรับใช้องค์ชาย”
“จิตรกรทุกท่าน ขอบใจสำหรับผลงานที่งดงาม พรุ่งนี้พวกเราก็เดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งด่วนว่าต้องการให้พวกท่านเข้าไปวาดภาพในพระราชวังฝั่งตะวันออกต่อ ดังนั้นพวกท่านคงจะได้พักไม่นานนักก็ต้องทำงานต่อ มา...มาดื่มฉลองให้กับงานที่เสร็จสิ้นแล้วของพวกเรากันเถอะ”
เหล่าจิตรกรล้วนพึมพำด้วยความยินดี หากพวกเขาได้แสดงฝีมือวาดภาพในวังหลวงให้ฮ่องเต้ทรงพอพระทัย ก็ย่อมจะมีโอกาสได้รับรางวัลนอกเหนือจากเบี้ยหวัดอีกด้วย แต่เดิมงานของจิตรกรหลวงก็มักจะเป็นงานทั่วไปที่ดูแลซ่อมแซมและวาดภาพตามแต่ฮ่องเต้จะทรงโปรด หากผู้ใดสามารถวาดภาพที่มีความงดงามเป็นพิเศษไปทูลเกล้าถวายได้ คนผู้นั้นก็มีโอกาสได้รับพระราชทานรางวัลเพราะภาพวาดเหล่านั้นจะถูกนำไปเป็นสิ่งของพระราชทานให้แก่ขุนนางหรือมอบให้กับบุคคลสำคัญจากต่างแคว้นที่มาเยือน
“ขอบพระทัยองค์ชาย”
หมิงเฉิงอวี่หันไปมองสาวน้อยที่นั่งอยู่ไกลออกไป ชิงหลานนั่งอยู่ข้าง จั๋วเหรินหาว ศิษย์พี่กับศิษย์น้องพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนองค์ชายขุ่นพระทัยเล็กน้อย
“ศิษย์พี่ท่านเดินทางพร้อมกับองค์ชายวันพรุ่งนี้เลยหรือ?”
“ใช่! ข้าไปถึงก็จะต้องไปยื่นใบสมัครเข้าเป็นมือปราบเมืองหลวงทันที องครักษ์กังบอกแล้วว่าช่วงนี้ทางการกำลังประการรับมือปราบเพิ่ม ข้าต้องรีบเข้าไปรับการคัดเลือก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)