“ไอหยา! ท่านเขียนสัญญาแต่งงานให้นางแล้วหรือ?” สีหน้าตื่นตระหนกของคุณหนูชิงทำเอาเหล่าลู่พลอยหน้าเสีย
“ข้าก็ไม่คิดว่าจะเสียรู้นางเช่นนี้ แต่มันก็เป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ว่าข้าได้เห็น....หมดแล้ว!” ลู่ฮั่นจำใจต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชิงหลานฟังเมื่อศิษย์คนเล็กมาเห็นตอนที่เจิงอิ่งออกจากประตูห้องของเขาในตอนดึก เพื่อมิให้เขาถูกกล่าวหาว่านัดพบนางมาร่วมห้อง สุดท้ายก็ถูกชิงหลานคาดคั้นจนต้องสารภาพ
“ท่านนี่นะ อา...เอ๊ย! เหล่าลู่ อยู่เป็นโสดมาจนป่านนี้กลับมาเสียรู้สตรีที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงเจ็ดวัน ช่างน่าขายหน้านัก”
ลู่ฮั่นเห็นชิงหลานโบกไม้โบกมือทำหน้าอิดหนาระอาใจก็เริ่มหน้าตึง “น้อยๆ หน่อยหลานเอ๋อร์! อย่างไรข้าก็เป็นอาจารย์ของเจ้า อย่าประณามข้ามากนัก ข้าสำนึกผิดไม่ทัน”
“อ๊ะๆ อยู่ในจวนข้าเป็นคุณหนูแล้วท่านเป็นพ่อบ้านนะ อย่าลืมสิ!”
“ได้ๆ เอ้า! คุณหนูท่านว่ามาสิว่า...คราวนี้ข้าควรทำเช่นใด?”
แม้เหล่าลู่จะเป็นจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจแต่ว่าเขากลับไม่เคยไปท่องเที่ยวใน ยุทธภพเช่นจอมยุทธ์ผู้อื่น ยังดีที่เติบโตมาในจวนใหญ่สกุลชิงมีพ่อบ้านอาวุโสคนก่อนช่วยสอนให้อ่านออกเขียนได้ ครั้นถูกส่งมาเฝ้าจวนเก่าแห่งนี้ก็บังเอิญได้พบจอมยุทธ์ลู่จึงได้ฝึกวิทยายุทธ์ ชิงหลานไม่อาจตำหนิผู้เป็นอาจารย์ได้มากนัก...จะให้บุรุษที่ซื่อตรงเช่นนี้รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาหญิงได้อย่างไร?
“ในเมื่อท่านพลาดท่าเสียทีนางไปแล้วก็ลองเล่นตามน้ำสักหน่อย ข้าอยากรู้ว่านางต้องการสิ่งใดจากพวกเรากันแน่? จะว่าไปการที่ท่านมีสัญญาแต่งงานกับนางเช่นนี้ก็ใช่จะมีแต่ข้อเสีย อย่างน้อยท่านก็ถือเอาสัญญานี้เข้านอกออกในห้องนอนของนางและติดตามนางได้โดยที่นางไม่อาจปฏิเสธ ต่อไปหากท่านจะสะกดรอยตามนางก็ย่อมสมเหตุสมผล”
“คุณหนู จะให้ข้าทำอย่างไร?”
“ท่านก็ต้องแสดงตัวเป็นว่าที่สามีที่ดีและอยู่ในโอวาทของนาง เพื่อให้เป้าหมายของผู้ที่ส่งนางมาบรรลุผล อีกไม่นานนางต้องเริ่มทำสิ่งที่ถูกสั่งมาแน่”
เสี่ยวลิ่งกับเจิงอิ่งเป็นลูกมือของจังฮูหยินในการทำเป็ดอบส่งเหลาสุราของคุณชายใหญ่จั๋ว คนทั้งสามจึงง่วงอยู่ในครัวทีละครึ่งวัน จังฮูหยินพอใจในฝีมือการทำครัวของเจิงอิ่งอีกทั้งนางยังแข็งแรงช่วยยกข้าวของในครัวโดยไม่ต้องเรียกเหล่าลู่ใน เข้ามาช่วยเหมือนแต่ก่อน
“มีเจ้ามาช่วยช่างดียิ่งนัก! แต่ก่อนทั้งจุดเตา ยกกระทะ ยกลังถึง ล้วนแต่ต้องเรียกให้เหล่าลู่เข้ามาช่วย”
“ข้าชอบงานในครัวเช่นกันเจ้าค่ะ ข้าดีใจที่ฮูหยินเห็นว่าข้ามีประโยชน์ การกินอยู่กับท่านนับว่าไม่เสียเปล่า”
จังฮูหยินหัวเราะร่วน “เจ้าทำงานได้สารพัดเช่นนี้ข้าได้กำไรต่างหาก จากเคยอบเป็ดได้เพียงวันละห้าตัว ยามนี้ทำสิบตัวแล้ว กำไรที่มากขึ้นขนาดนี้ต่อไปข้าก็จะแบ่งเบี้ยหวัดได้เจ้าได้”
“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”
“ข้ามิได้อยากเอาเปรียบเจ้าหรอกนะ แต่บอกตามตรงว่าในจวนนี้ นอกจากเหล่าลู่ที่ได้เบี้ยหวัดจากจวนใหญ่ในเมืองหลวงแล้ว พวกเราล้วนแต่มีชีวิตตามมีตามเกิด นับตั้งแต่หลานเอ๋อร์ฟื้นจากความตายนางก็กลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการวาดภาพ ความเป็นอยู่ของพวกเราจึงได้ดีขึ้น”
“นับว่าสวรรค์ไม่ทอดทิ้งพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ”
“นั่นสินะ! ยามนี้ข้าเพิ่งจ่ายหนี้เก่าที่ตกค้างคนรอบข้างได้หมดสิ้นแต่ก็เหลือเงินติดตัวไม่มากนัก หลานเอ๋อร์ตกน้ำล้มป่วยมาหลายปีไม่ว่าข้าจะหาเงินพอกับค่ากินอยู่แต่ไม่อาจจะพอกับการรักษานาง เจ้าเพิ่งมาอยู่กับพวกเราทนลำบากหน่อยก็แล้วกัน แต่หากช่วยกันทำงานอยู่เช่นนี้ก็คงจะมีรายได้มาแบ่งปันเจ้า”
แต่ละวันที่ช่วยงานจังฮูหยิน เจิงอิ่งจะค่อยๆ สอบถามความเป็นอยู่ของพวกนางทีละนิด เสี่ยวลิ่งไม่ค่อยยอมปริปากความเป็นมาสองแม่ลูกเท่าใดนัก นางบรรยายแต่เพียงความยากลำบากที่จังฮูหยินต้องเลี้ยงดูบุตรสาวด้วยตนเองโดยมิได้รับความช่วยเหลือจากสามี
“ปีนั้นหลังจากเลิกเรียนแล้วก็ตามเพื่อนไปที่แม่น้ำ ยามนั้นแม่น้ำเย็นจนเกือบกลายเป็นน้ำแข็ง คุณหนูพลัดตกน้ำไปดีที่มีชาวบ้านแถวนั้นลงไปช่วยไว้ได้ แต่หลังจากช่วยขึ้นมาแล้วร่างกายของนางรับไอเย็นมากเกินไปจึงล้มป่วย ฮูหยินไม่มีเงินจะคุณหนูไปรักษาในเมืองหลวงจึงได้แต่คุกเข่าขอร้องให้ท่านหมอฉินช่วยรักษา สินเดิมที่พอจะเหลือติดตัวมาจากจวนใหญ่ถูกนำไปขายเพื่อรักษาคุณหนูจนหมด ห้าปีนั้นสำหรับข้า ช่างทรมานและยาวนานเหลือเกิน”
“เจ้าช่างเป็นคนดีนัก ไม่ยอมทอดทิ้งฮูหยินกับคุณหนู”
“ข้าน่ะหรือ? ข้าเป็นเด็กกำพร้าที่มีชีวิตมาได้เพราะตระกูลจังนี่นา...ไม่ว่าฮูหยินจะไปที่ใดข้าย่อมต้องติดตามไปทุกหนทุกแห่ง”
“เจ้ากับเหล่าลู่โตมาด้วยกันหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)