หมิงเฉิงอวี่ดวงตาเป็นประกายวาววูบหนึ่ง คิดอยู่แล้วเชียวว่านางจะต้องอยากเข้าไปในจวนสกุลเผย ดูเหมือนว่าชิงหลานจะมีความลับที่ไม่อาจบอกผู้ใดได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางและฮูหยินผู้เฒ่าเผย
“ได้! แต่เจ้าต้องมาซักซ้อมเตรียมตัวกับข้าก่อน”
“เพคะ”
“เช่นนั้นวันพรุ่งนี้เจ้าไปพบข้าที่วังพยัคฆ์ขาว”
ชิงหลานผงะ...วังพยัคฆ์ขาวแห่งนั้นนางเคยไปเยือนครั้งหนึ่ง คราวนั้นเป็นครั้งที่ใต้เท้าเผยคิดวางแผนจะให้องค์ชายได้เห็นตัวจริงของเผยมู่ซีเพื่อหวังจะให้องค์ชายประทับใจในความงามล่มเมืองของนาง ทว่าหมิงเฉิงอวี่ที่ส่งคนไปแฝงกายอยู่ในจวนสกุลเผยยามนั้นกลับรู้ทันเสียก่อนจึงลอบเดินทางออกนอกเมืองหลวงอ้างว่ามีราชกิจด่วน ทำให้เผยมู่ซีที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูกจับแต่งตัวงดงามยัดใส่เกี้ยวมานั่งรออยู่ในวังพยัคฆ์ขาวตลอดวันก็มิได้พบหน้าเจ้าของวัง แม้นางจะมิได้ไยดีกับองค์ชายสิบห้าแต่การที่พระองค์หนีหน้านางก็ทำให้เผยมู่ซีขายหน้าข้าราชบริพารยิ่งนัก
“ทำไม? เจ้าไปมิได้หรือ?” หมิงเฉิงอวี่เห็นสีหน้าของสาวน้อยดูคล้ายไม่อยากไปเยือนวังของพระองค์ก็แปลกพระทัย ครั้งแรกที่เห็นพระองค์นางก็เหมือนไม่อยากจะพบหน้าสนทนาปราศัย ครั้งนี้วังของพระองค์นางก็ยังไม่อยากจะเห็น ช่างผิดวิสัยสตรีทั่วไปนัก
ก่อนหน้าที่องค์ชายสิบห้าจะถูกมัดมือชกให้จำต้องหมั้นกับเผยมู่ซี พระองค์ก็เป็นหนึ่งในบุรุษหนุ่มโสดแห่งเมืองหลวงที่คุณหนูทั้งหลายต่างใฝ่ฝันอยากจะมาเป็นเจ้าของวังพยัคฆ์ขาวที่โอ่อ่าและงดงาม ยามนี้พระองค์ไร้พันธะใดๆ ในยามไปงานเลี้ยงในจวนขุนนางระดับสูงหรืองานเลี้ยงในวังหลวงก็มีสตรีน้อยใหญ่คอยทิ้งหางตาให้มิใช่น้อย....แต่สตรีตรงหน้านี้เล่า? เหตุใดจึงเหมือนมีเรื่องคุมแค้นกับพระองค์นักหนา?
“ไปได้เพคะ...พรุ่งนี้หม่อมฉันจะไปพร้อมเสี่ยวลิ่ง” สีหน้าของนางดูกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด
“ดี! ไปหาข้าในยามเว่ย (13.00-14.59 น.) ก็แล้วกัน”
ก่อนเวลานัดหมายชิงหลานกับเสี่ยวลิ่งก็ขี่ม้ามาถึงหน้าวังพยัคฆ์ขาว เจ้าสายลมร้องฮี่ๆ ด้วยความดีใจที่ได้ออกจากคอกมาวิ่งเสียที แม้จะเป็นการวิ่งเพียงเหยาะเพราะในเมืองหลวงมีกฎห้ามควบม้าเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับชาวบ้าน ส่วนเสี่ยวลิ่งก็นั่งรถม้าที่องครักษ์จงนำออกไปรับ บ่าวรับใช้ในวังที่ได้ยินข่าวว่าคุณหนูชิงจะมาเยือนต่างก็พากันมาแอบชะเง้อดูตามสุมทุมพุ่มไม้ พวกเขาได้ยินเหล่าองครักษ์พูดถึงนางบ่อยๆ ในทำนองว่านางคือสตรีที่องค์ชายสิบห้าพอพระทัย
“นั่นๆ นางมาแล้ว!” เสียงกระซิบกระซาบถูกถ่ายทอดต่อๆ กันไป แม้พวกเขาจะพยายามทำหน้านิ่งๆ แต่ดวงตากลับล่อกแล่กคอยลอบมองชิงหลานที่เดินเคียงคู่มากับเสี่ยวลิ่ง
คุณหนูชิงในชุดสีชมพูอมส้มเฉิดฉาย ดวงหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า ท่าทางคล่องแคล่วทะมัดทะแมง ส่วนเสี่ยวลิ่งก็งดงามอ่อนหวานราวกับคุณหนูในห้องหอ เหล่านางกำนัลที่อยู่ห่างออกไปล้วนถกเถียงกันว่าผู้ใดคือคุณหนูชิงกันแน่?
“ข้าได้ยินองครักษ์กังบอกว่านางผอมแห้งตัวเล็กเพราะเคยล้มป่วยมาหลายปีก็น่าจะเป็นคุณหนูที่ตัวเล็กกว่านั่น”
“นางไม่เห็นผอมแห้งอย่างที่เจ้าว่าเลย ผิวพรรณสดใสใบหน้ายิ้มแย้ม นางก็แค่อายุน้อยอีกไม่อีกปีก็คงจะงดงามยากจะหาผู้ใดเทียมเท่า นับว่าองค์ชายทรงมีสายพระเนตรยาวไกลนัก”
“อ๊ะ! เช่นนั้นสตรีอีกคนก็คือคู่หมั้นขององครักษ์จงน่ะสิ! ข้าได้ยินพวกองครักษ์คุยกัน เห็นว่านางเป็นสาวใช้ในเรือนสกุลชิงนี่!”
พวกเขาต่างฮือฮากันอีกคำรบเพราะจงเหยียนเป็นองครักษ์เสื้อแพรที่เหี้ยมโหดผู้หนึ่ง ใบหน้าเคร่งขรึมที่ไม่เคยยิ้มเช่นนั้นเหตุใดจึงเกี้ยวหญิงสาวงดงาม ผู้หนึ่งมาจากอำเภอเฉินได้?
“ไม่น่าเชื่อ! นางรักใคร่ชอบพอองครักษ์จงได้อย่างไร? ท่าทางดุร้ายออกปานนั้น” บ่าวและสาวใช้ทั้งวังต่างหวาดกลัวในยามที่องค์ชายทรงรับสั่งให้องครักษ์จงลงโทษผู้ใด แม้จะโบยเพียงไม่กี่ครั้งก็ยังชวนสะท้านไปถึงกระดูก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)