ชิงหลานร่วมโต๊ะเสวยกับองค์ชายสิบห้าเพียงสองต่อสอง นางทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อหมิงเฉิงอวี่ทรงขยับพระองค์เข้ามานั่งพระเก้าอี้ตัวติดกับนาง
“อาหารที่วังพยัคฆ์ขาวมักจะทำอย่างละนิดแต่มีหลายจานอย่างที่เจ้าเห็น นั่นเพราะเกรงว่าจะมีผู้แอบวางยาจึงต้องคอยระมัดระวังตัวสักนิด” องค์ชายทรงอธิบายเบาๆ ให้นางพอได้ยิน ทรงเอียงพระพักตร์มาใกล้จนนางตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดุกกระดิก
ชิงหลานนึกเวทนาตนเองในชาติที่แล้ว นอกจากหมิงเฉิงอวี่จะหลบลี้หนีหน้า ต่อจากนั้นนางก็ได้รู้จากคำซุบซิบขององค์รักษ์หลายคนว่าหากนางจะไปที่ใด องค์ชายจะไม่เสด็จที่นั่น! แต่ในชาตินี้ช่างแตกต่างนัก ทั้งที่ร่างของคุณหนูสกุลชิงผู้นี้มิได้สวยสดงดงามเท่ากับเผยมู่ซีแต่กลับได้รับความรักใคร่เมตตาจากองค์ชายสิบห้ามากจนไม่ควร
หมิงเฉิงอวี่เห็นนางทำตัวไม่ถูกก็ทรงเลือกคีบอาหารที่ทรงทราบว่านางชอบจากจานเล็กๆ พวกนั้นมาให้นางทีละชิ้น ทรงทอดพระเนตรดูนางกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความพอพระทัย
“เจ้าต้องกินจานละไม่เกินเจ็ดคำจำเอาไว้ หากว่าวันหน้าต้องเข้าวังก็ต้องทำตามกฎนี้ ไม่ว่าอาหารจะรสชาติถูกปากสักเท่าใดก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ หากชอบมาก็สั่งเอาจานใหม่มา”
เมื่อนางได้ชิมรสพ่อครัวชาววังก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินโดยมิได้สนใจว่าองค์ชายจะทรงเสวยหรือไม่? อาหารที่ทรงคีบมาวางบนถ้วยข้าวของนางล้วนอร่อยทั้งสิ้น เพียงแต่ข้าวที่อยู่ในถ้วยมีจำนวนน้อยนักกินไปไม่กี่คำก็หมดแล้ว
“เจ้ายังไม่อิ่มก็หยิบเอาถ้วยข้าวอันใหม่” ทรงพยักเพยิดให้นางหันไปมองด้านซ้ายมือที่มีถ้วยข้าววางเรียงอยู่ ทุกถ้วยล้วนใส่ข้าวเพียงนิดเดียว
นางหยิบถ้วยข้าวใหม่มาแล้วก็เริ่มลงมือกินต่อกระทั่งหมดไปสามถ้วย จึงหันมาเห็นว่าองค์ชายเพิ่งทรงเสวยหมดไปถ้วยเดียว
“องค์ชายไม่ชอบเสวยข้าวหรือเพคะ?”
“เจ้าไม่ยอมเงยหน้าจึงไม่เห็นว่าข้ากินกับข้าวเยอะเพียงใด? เจ้ายังอ้วนได้อีกมาก แม้จะมีเนื้อหนังมากกว่าเมื่อก่อนแต่สำหรับข้าก็ยังเห็นว่าผอมเกินไปอยู่ดี” สายตาของชายหนุ่มสำรวจตรวจตราสาวน้อยรอบหนึ่ง นางดูเอิบอิ่มเปล่งปลั่งขึ้นมาแต่ก็น่าจะอ้วนกว่านี้สักหน่อย ในยามกอดก็คงจะอบอุ่น....
ชิงหลานเห็นสายตาละมุนของคนที่ยิ้มน้อยๆ ก็อดจะหน้าร้อนผ่าวมิได้...
‘ข้าต้องไม่หวั่นไหว! การเกี่ยวพันกับราชวงศ์เป็นหายนะ...เป็นหายนะ’ นางรีบท่องไว้ในใจ ในเมื่อนางเคยตายเพราะการเป็นว่าที่หวางเฟยมาแล้วครั้งหนึ่ง หากเผลอตกลงไปในหลุมขวากอีกครั้งก็คงไม่พ้นวิถีเดิม!
“หม่อมฉันเป็นแค่จิตรกรวาดภาพรับจ้างไม่ควรจะอ้วนมากหรอกเพคะ ประเดี๋ยวจะนั่งวาดภาพไม่สะดวก”
“หากข้าอภิเษกหวางเฟยวันใด ข้าจะขุนนางให้อวบสักหน่อยน่าจะมีชีวิตชีวา” ใบหน้าขององค์ชายเรียบเฉยแต่สายตาตวัดผ่านใบหน้าของนางไปยังถ้วยน้ำชา
ชิงหลานชะงักมือที่เอื้อมไปหยิบถ้วยน้ำชา นางรู้ว่าเขาหมายถึงนางแต่นางเคยปฏิเสธชัดเจนไปแล้ว สู้ดียามนี้...ปิดปากให้สนิทจะดีกว่า!
หมิงเฉิงอวี่ทรงผิดหวังที่สาวน้อยไม่ยอมต่อปากต่อคำอย่างเคย ยิ่งนางเงียบยิ่งดูเหมือนนางจะพยายามทำตัวออกห่างพระองค์ สาวน้อยผู้นี้เหตุใดจึงเดาใจนางได้ยากนัก? หรือว่าในใจของนางมีคนอื่นอยู่? คิดถึงข้อนี้...องค์ชายสิบห้าก็ทรงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา...ไม่ว่านางจะชมชอบผู้ใดพระองค์ก็คงต้องสืบให้รู้ชัดเสียก่อน!
องครักษ์จงพาคู่หมั้นสาวสวยไปอวดโฉมพ่อบ้านและมามาหลี่ในตำหนัก เขาภาคภูมิใจกับคำชมของทุกคนที่มีต่อเสี่ยวลิ่ง ทว่าอดเคืองกับบางอย่างมิได้
“แม่นางจัง ท่านคิดเช่นใดจึงยอมรับรักองครักษ์จงหรือเจ้าคะ? คนในวังพยัคฆ์เหินล้วนแล้วแต่หวาดกลัวเขากันทั้งนั้น ตลอดปีหากว่าองครักษ์จงยิ้มให้ผู้ใดคนผู้คนต้องไปไหว้พระที่วัดหยกสวรรค์เลยนะเจ้าคะ?” นางกำนัลจอมเจื้อยแจ้วดึงข้อมือเสี่ยวลิ่งไปมุมตำหนักเล็กก่อนจะถามนางด้วยเสียงอันดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)