เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook) นิยาย บท 129

ที่นางคาดไม่ถึงคือ...ห้องนอนที่นางกำนัลในวังพยัคฆ์ขาวจัดไว้ให้แค่มองข้ามสวนเล็กๆ ไปก็มองเห็นห้องบรรทมขององค์ชายสิบห้าแล้ว!

ตำหนักส่วนพระองค์อยู่ตรงข้ามกับตำหนักขนาดกลางที่นางกำนัลเชิญนางให้เดินตามไป ชิงหลานมองไปรอบๆ เรือนที่นางกับเสี่ยวลิ่งต้องมานอนดูเหมือนเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานนักเพราะข้าวของเครื่องใช้ดูใหม่กว่าแต่ละห้องที่นางเคยเห็น

“ใช่แล้วเจ้าค่ะคุณหนู! ตำหนักนี้องค์ชายทรงโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนจะว่าไปก็เหมือนทรงเตรียมไว้ต้อนรับหวางเฟยนะเจ้าคะเพราะทางเดินเชื่อมต่อไปถึงห้องบรรทมแค่นี้เอง” นางกำนัลยิ้มอย่างมีเลศนัย

ชิงหลานมองตามนิ้วของนางกำนัล เมื่อเห็นความหมายในสีหน้าของอีกฝ่ายสาวน้อยก็ร้อนผ่าวที่แก้มทั้งสองข้าง...นางไม่คิดว่าหมิงเฉิงอวี่จะกระทำการเปิดเผยให้นางกลายเป็นที่จับจ้องของข้าราชบริพารถึงเพียงนี้ นางกำนัลอีกผู้หนึ่งเดินตามหลังมาในมือมีถาดวางชุดสำหรับชิงหลานใส่ในวันพรุ่งนี้...ชุดของศิษย์ท่านหมอจวงที่นางต้องสวมรอยไปทำงานแทน

“คุณหนูเจ้าค่ะ ห้องนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน เตียงก็นุ่มน่านอนมากเจ้าค่ะ”

“ทางนั้นเป็นเตียงของแม่นางจังนะเจ้าคะ”

เสี่ยวลิ่งเพิ่งเห็นว่าถัดไปจากเตียงใหญ่กลางห้องมีเตียงขนาดกลางปูที่นอนไว้ด้วยนั่นเป็นเตียงสำหรับสาวใช้ที่มาคอยเฝ้าดูแลเจ้านายในห้องนอน “โอว....น่านอนกว่าเตียงที่จวนสกุลชิงของข้าเสียอีก สมแล้วที่เป็นเตียงนอนในวัง”

นางกำนัลทั้งสองยิ้มกว้าง “เชิญท่านทั้งสองตามสบายนะเจ้าคะ หากมีสิ่งใดต้องการให้รับใช้เรียกพวกเราได้ที่หน้าห้องเจ้าค่ะ”

“ขอบคุณพวกเจ้ามาก แค่นี้ก็สะดวกยิ่งแล้ว” ชิงหลานรีบเอ่ยขอบอกขอบใจในขณะที่เสี่ยวลิ่งรับชุดของคุณหนูไว้แล้วเอาไปวางพาดในมุมแต่งตัว

“คุณหนูเจ้าคะ รีบเข้านอนกันเถอะ พรุ่งนี้ท่านต้องรีบตื่นแต่ไก่โห่เลยนะ เจ้าคะ” เสี่ยวลิ่งรีบจัดแจงที่นอนของตนเองขณะที่ชิงหลานขยับไปนั่งริมเตียงใหญ่ ในใจของนางนึกหวั่น ยามนี้สายตาหมิงเฉิงอวี่จับจ้องมายังตนไม่ลดละ ในชาตินี้นางได้ใกล้ชิดสนทนากับเขาหลายครั้งก็พอจะรู้ว่าบุรุษผู้นั้นปักใจในตนและคงจะไม่ยอมให้นางหลุดรอดเงื้อมมือเขาไปได้ แต่ประเมินจากฐานะของนางในยามนี้ช่างแตกต่างจากเขายิ่งนัก นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางสบายใจว่า...ระหว่างเขากับนางไม่น่าจะลงเอยกันได้! คิดมาถึงตรงนี้ลึกๆ ในใจชิงหลานปวดแปลบเล็กน้อย

....วาสนาระหว่างนางกับเขา...ชาติก่อนตื้นเขินนัก ชาตินี้ก็ยิ่งไกลห่าง!

องค์ชายสิบห้ามองดูแสงเทียนวอมแวมในห้องนอนฝั่งตรงข้ามที่ดับลง พระองค์ทรงเตรียมการสร้างตำหนักในพื้นที่ว่างไม่ไกลห้องบรรทมของตนเองนับตั้งแต่ เริ่มสนพระทัยในตัวของสาวน้อยชิงหลาน สักวันหนึ่งห้องนั้นต้องมีนางมานั่งแต่งหน้าแต่งตัวส่องกระจกรอคอยพระองค์ให้ไปหา...นับตั้งแต่มั่นใจในความรู้สึกของตนเอง หมิงเฉิงอวี่ก็ทรงสั่งให้สร้างตำหนักพระชายาเพื่อรอนาง

ชิงหลานตื่นขึ้นแต่งตัวในชุดลูกศิษย์ท่านหมอจวงตั้งแต่เช้ามืด ไปยืนรออยู่หน้าลานตำหนักใหญ่ นางตื่นเต้นที่จะได้พบท่านย่าอย่างยิ่ง คนที่เคยตายไปแล้วจึงจะเข้าใจถึงความอาลัยอาวรณ์ที่ไม่อาจกลับมาคนที่ตนเองรักได้!...ตัวตนดั้งเดิมที่สูญสลายแล้ว นางไม่อาจจะเข้าไปกอดท่านย่าในฐานะเผยมู่ซีได้อีก รอยยิ้มเมตตาปราณีที่โหยหาคงจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว!

“แม้ย่าจะไม่อยากให้เจ้าโกรธแค้นผู้ใดแต่มิใช่ใช้ชีวิตอย่างประมาทเลินเล่อ การที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด มิใช่ว่าผู้อื่นจะไม่คิดร้ายต่อเจ้า...จงระวังตัวทุกย่างก้าว อย่าละวางการสังเกตสิ่งรอบตัวอย่างถี่ถ้วนเสมอ”

ท่านย่าที่เคยตักเตือนนางมิให้ประมาทต่อคนคิดร้ายรอบตัว ยามนี้คนชั่วพวกนั้นทั้งคิดร้ายและทำลายท่านย่าเสียแล้ว!

“เจ้าตื่นเต้นที่จะได้เข้าจวนสกุลเผยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” เสียงทักทายขององค์ชายดังขึ้นจากด้านหลัง

“เพคะ! หม่อมฉันจะได้ไปเป็นสายสืบครั้งแรกย่อมรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา”

หมิงเฉิงอวี่ทรงจูงเจ้าสายลมมาใกล้ ชิงหลานรู้สึกเกร็งเล็กน้อยก่อนจะรับเชือกมา “เจ้ารีบขึ้นม้าเถอะ เราต้องไปดักหน้ารถม้าของท่านหมอจวง”

ทั้งสองขี่ม้าเคียงคู่กันจนถึงปากทางตามที่นัดหมาย หมอจวงกับอาหม่าจอดรถม้ารออยู่แล้ว องค์ชายทรงปล่อยให้ชิงหลานขี่เจ้าสายลมตามหลังรถม้าไปยังจวนสกุลเผย โดยให้องครักษ์หลายคนปลอมตัวเป็นเจ้าบ้านไปคอยป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ไกลนัก ฟ้ายังไม่สางท่านหมอจวงก็เดินนำหน้าศิษย์ทั้งสองเข้าไปยังเรือนของฮูหยิน ผู้เฒ่าสกุลเผย สาวใช้ประจำเรือนออกมายืนรออยู่ก่อนแล้ว เผยมู่ซีในร่างชิงหลานมองซ้ายมองขวาด้วยความคิดถึงเคหสถาน นางอยู่ที่นี่แต่น้อยคุ้มใหญ่ทุกซอกทุกมุมล้วนคุ้นตาทั้งสิ้น แม้จะรู้จักสาวใช้ทั้งสองเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่อาจทักทาย พวกนางเพิ่งเข้ามารับใช้ท่านย่าหลังจากที่สาวใช้เดิมสองคนออกเรือนไป

ชิงหลานมองหาสาวใช้อาวุโสที่มีอายุน้อยกว่าท่านย่าเพียงสิบปีที่เคยอยู่ข้างกายกลับเห็นเพียงสาวใช้อายุน้อยหลายคนเดินขวักไขว่ ล้วนเป็นคนที่นางไม่คุ้นหน้า นางเดินตามหลังขบวนไปจนถึงหน้าเตียงใหญ่ ฮูหยินห่วงเยวียนที่สยายผมยาวสีดอกเลาเรียกให้สาวใช้มาพยุงร่างนางขึ้น

“ฮูหยินวันนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ตอบคำถามแต่กลับโบกมือไล่ให้สาวใช้ทั้งหมดออกไปจากห้อง เหลือไว้เพียงผู้มาใหม่ทั้งสาม ท่าทางเหนื่อยอ่อนเมื่อครู่กลายเป็นกระฉับกระเฉงในทันที ผู้สูงวัยลุกขึ้นไปนั่งโต๊ะกลมกลางห้องแล้วท่านหมอจวงก็เดินตามไปนั่งใกล้ๆ แต่เพื่อมิให้เสียเวลารีบหันไปบอกอาหม่ากับชิงหลานให้รีบไปตรวจสอบในห้องนอนของฮูหยินผู้เฒ่าว่าพิษถูกแฝงไว้ที่ใดบ้าง? ลูกศิษย์ทั้งสองที่เตรียมตัวอยู่แล้วจึงได้ไปเดินดูข้าวของเครื่องใช้ในห้องของผู้เฒ่าห่วงเยวียน

“ข้ารู้สึกว่าอาการปั่นป่วนภายในไม่ค่อยมีแล้วแสดงว่ายาที่ท่านให้ได้ผลดียิ่ง เหลือแค่รู้สึกหายใจขาดห้วงที่ปรากฏในบางครั้งที่ข้าขยับตัวมากเกินไป”

“ยาของข้าช่วยฟื้นอาการบาดเจ็บภายใน แม้ฮูหยินจะรู้สึกร่างกายดีขึ้นแต่หากยังหยุดการวางยาไม่ได้ก็ยังยากจะรักษา ฮูหยินยังไม่ได้เดินออกจากห้องนี้ใช่หรือไม่ขอรับ?”

“ข้าทำอย่างที่ท่านหมอกำชับทุกประการจึงเอาแต่นอนอยู่ในห้องนี้เพื่อมิให้พวกเขาผิดสังเกต ก็เหมือนที่ท่านว่าแม้ข้าจะรู้สึกร่างกายดีขึ้นแต่ก็เหมือนตนเองยังไม่มีอาการมึนหัวในบางครั้ง”

“ระหว่างวันพวกเขาได้เอาสิ่งใดเข้ามาให้ฮูหยินใช้นอกเหนือไปจากสิ่งของตามปกติหรือไม่ขอรับ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าเผยส่ายศีรษะ “ก็ไม่มีนะ ข้าแอบเอาเข็มเงินลอบทดสอบอาหารอย่างที่ท่านสอนแล้วแต่ก็ไม่พบ สิ่งที่ข้ากินทุกอย่างแม้แต่น้ำก็ปกติดี”

หมอจวงรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง การวางยาฮูหยินห่วงเยวียนทำได้แยบยลยิ่ง เขาพยายามตรวจสอบเอง ซ้ำยังมอบเข็มพิษไว้ให้นางตรวจสอบด้วยตนเองก็ยังไม่พบความผิดปกติ เดิมทีเรื่องนี้เขาลอบทำอย่างระมัดระวัง ครั้นองค์ชายสิบห้าทรงเข้ามารับรองว่าจะพระราชทานความช่วยเหลือในการสืบหาคนร้าย หมอจวงจึงรู้สึกสบายใจขึ้น...เขาได้ยินว่าหมอสองคนก่อนหน้านี้ถูกบังคับให้หยุดการรักษาก็เกรงว่าเรื่องนี้ผู้ ลงมืออาจจะเป็นคนที่มีอำนาจอยู่ในจวนสกุลเผย ไม่รู้ว่าผู้ลงมือวางยาพิษฮูหยิน ห่วงเยวียนเป็นผู้ใดกันแน่?

อาหม่าลูกศิษย์ของหมอจวงไปตรวจตราดูตามแจกันดอกไม้ ภาพวาด สิ่งของวางประดับห้อง ส่วนเผยมู่ซีในร่างชิงหลานสำรวจในเตียงนอนของฮูหยินผู้เฒ่า ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนล้วนได้รับการเปลี่ยนใหม่เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หลังการตายของเผยมู่ซีไม่กี่เดือนดูเหมือนข้าวของเครื่องใช้ในห้องท่านย่าถูกเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น ดูเหมือนวันที่พวกนางมาผ้าพวกนี้เพิ่งถูกเปลี่ยนไปไม่นาน...กลิ่น! กลิ่นนี้ดูแปลกๆ นัก!

“ท่านหมอจวงข้าสงสัยกลิ่นผ้าปูที่นอนเจ้าค่ะ”

ฮูหยินห่วงเยวียนหันไปมองสาวน้อยหน้าใหม่ที่ติดตามหมอจวงมาในวันนี้ด้วยความสนใจ “กลิ่นผ้าปูที่นอนข้ามีอันใดแปลกงั้นหรือ?”

“เรียนฮูหยิน ปลอกหมอนกับผ้าห่มของท่านเป็นกลิ่นเดียวกันทว่าผ้าปูที่นอนที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนใหม่มาพร้อมกันกลับมีกลิ่นแปลกๆ เจ้าค่ะ”

*************************************

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)