หมิงเฉิงอวี่เหล่ตามองชิงหลานเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางตั้งหน้าตั้งตาฟังก็แสร้งกระแอมกระไอ คุณหนูชิงรีบหันไปรินน้ำชามาถวาย องค์ชายทรงยิ้มน้อยๆ รับจอก น้ำชาเล็กๆ จากนางมาดื่ม
“ตรอกลึกที่สุดย่านถนนจี้ฮุยเป็นที่ตั้งของหอที่ว่านั่น มีสตรีอยู่ร่วมร้อยห้าสิบคน เอามาใช้รับแขกแล้วราวแปดสิบคน ส่วนที่เหลือเพิ่งจับกุมมาใหม่ สตรีส่วนใหญ่ถูกจับมาจากแถวเมืองฉู่จิ้ง”
“ส่วนใหญ่เป็นหญิงชาวบ้านเช่นเดิมหรือเพคะ?”
องค์ชายทรงพยักพระพักตร์ “มากกว่าครึ่งถูกโจรป่าจับตัวมา ส่วนที่เหลือถูกทำสัญญาค้าทาสปลอมบ้าง ถูกหลอกให้กู้ยืมเงินแล้วยึดตัวมาจากครอบครัวบ้าง พวกมันจับแล้วนำมาส่งคนที่ดูแลหอโคมเขียวเถื่อนในเมืองหลวงอีกที ตอนนี้ข้าได้ให้สำนักมือปราบเมืองหลวงตรวจสอบว่าสตรีคนใดถูกเอารัดเอาเปรียบหรือมิได้ยินยอมแล้วค่อยส่งพวกนางกลับ”
“องค์ชายเพคะ สตรีบางคนอาจจะจำยอมเป็นหญิงคณิกาโดยที่ไม่อาจปฏิเสธได้เนื่องจากพวกนางฐานะยากจน กลุ่มคนเช่นนี้เราไม่มีหนทางจะช่วยเหลือพวกนางบ้างหรือเพคะ”
“อืม...ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล มีคนจำพวกนี้อยู่อีกส่วนหนึ่งจริงๆ แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทำเช่นใด?” องค์ชายหันมาจ้องหน้าชิงหลานด้วยสายพระเนตรจริงจัง
จงเหยียนรีบสะกิดให้คู่หมั้นของตนและสาวใช้ทั้งหลายถอยออกจากห้องโถงออกไปเมื่อเห็นว่าองค์ชายคงอยากจะปรึกษากับคุณหนูชิงตามลำพัง
“หม่อมฉันเห็นว่าพวกเราน่าจะหาอาชีพอื่นให้พวกนางทำเพคะ อย่างเช่นเย็บปักอย่างที่ท่านแม่ของหม่อมฉันทำในยามที่หม่อมฉันยังป่วยอยู่ก็ใช้ดำรงชีวิตได้ หรือไม่ก็ประเภทงานไม้จักสานอย่างที่เหล่าลู่ทำ เราต้องส่งพวกนางไปฝึกประกอบอาชีพตามที่พวกนางถนัดแล้วก็ให้นางค่อยๆ ชำระหนี้ตกค้างพวกนั้น”
หมิงเฉิงอวี่ทรงอมยิ้มพอพระทัยที่ชิงหลานใส่ใจในราษฏร “ข้าจะนำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลฮ่องเต้ให้พระองค์ทรงวินิจฉัยหาทางช่วยเหลือพวกนางก็แล้วกัน หากว่าทางการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังก็น่าจะช่วยให้พวกนางมีรายได้เป็นของตนเองได้มากขึ้น...ว่าแต่ต้องให้เจ้าเป็นผู้ช่วยดูแล เจ้าทำได้หรือไม่?”
“ทำได้เพคะ” ชิงหลานรับปากไปแล้ว จึงค่อยมานึกได้ว่าหากตนรับงานนี้แล้วต่อไปก็ต้องอยู่ใกล้ชิดกับองค์ชายสิบห้า นางเพิ่งรู้ว่าตนเองพลาดท่าไปเสียแล้ว
“พูดถึงหญิงที่ถูกจับมาเที่ยวนี้ ข้าสงสัยนักว่ากลุ่มบุรุษที่จับกุมพวกนางมาเป็นคนของมือปราบเฉากับอู่ฉางชิง”
“เหตุใดพระองค์จึงสงสัยเช่นนั้นเพคะ?”
“สายของข้ารายงานว่าเห็นบุรุษขาเป๋ถือไม้เท้าอยู่ในตรอกที่เกิดเหตุในคืนวันนั้น ทว่าจับกุมเขาไม่ทัน”
ชิงหลานนึกถึงกระบี่ที่นางแทงลงต้นขาของมือปราบเฉาหวังผลให้คนผู้คนไม่อาจเดินได้ตามปกติอีก ยามนี้ช่างสมใจนัก
‘เจ้าทำให้ข้าตายอย่างอนาถแต่เจ้าต้องตายทั้งเป็น ไม่สิ! แค่ข้าเดียวจะไปสาสมได้อย่างไร? ข้าจะให้เจ้าไม่ต้องมีขาไว้เดินเลยสักขา’
นางแสร้งสอบถามเรื่องความคืบหน้าคดีตระกูลเผย หมิงเฉิงอวี่ทรงทำหน้าไม่ค่อยพอพระทัยนักเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
“ท่านอ๋องเก้ากับข้าไม่ค่อยพอใจนักที่ขุนนางผู้ใหญ่กรมมหาดไทยมาขอให้เนรเทศถังฮูหยินแทนการประหาร แต่ก็อย่างที่เจ้ารู้ พยานหลักฐานในส่วนของการฆาตกรรมเผยมู่ซีขาดหายไปเพราะไม่อาจจับกุมเฉาอวิ๋นจือได้ มีเพียงเจียงมามาหลี่ที่เป็นพยานว่าเห็นไคฉีวางยาคุณหนูเผยเท่านั้น แต่ไม่มีส่วนใดเชื่อมโยงความผิดกับถังฮูหยินได้ เราจำต้องเนรเทศนางไป”
เผยมู่ซีเจ็บแค้นที่ไม่อาจทำให้ถังหนิงหวงตายตกตามไคฉีได้ แต่การเนรเทศนางไปถึงชายแดนเมืองฉู่จิ้งที่แสนกันดารนับว่าเป็นโทษที่ยากลำบากสาหัสแล้ว ด่านกักกันผู้ถูกเนรเทศนั้นกว่าครึ่งเป็นทะเลทราย ทั้งแร้นแค้นและหากินยากลำบาก บ้านเรือนที่มีให้อยู่อาศัยก็เป็นเรือนขนาดไม่ใหญ่นัก
เมื่อเห็นสีหน้ากลุ้มกังวลของชิงหลาน องค์ชายจึงทรงเอ่ยเอาใจนาง “เจ้าอย่าห่วงเลยข้าได้สั่งคนคอยจับตาดูนางอย่างใกล้ชิดไม่ให้นางหนีกลับออกมาได้ ชั่วชีวิตที่เหลือของนางหากต้องอยู่ที่นั่นก็คงทุกข์ทรมานไม่น้อย”
“องค์ชายเพคะ หากการจับกุมเฉาอวิ๋นจือกับอู่ฉางชิงยากเย็นถึงเพียงนี้ หม่อมฉันคิดว่าเราควรจะสร้างเรื่องของพวกเขาให้ใหญ่โตขึ้น”
หมิงเฉิงอวี่ทรงเลิกพระขนงทำทีสนพระทัยลุกขึ้นมาประทับเก้าอี้ที่ติดกับนางโดยไม่มีโต๊ะคั่น “อย่างไรหรือ?”
ชิงหลานผงะที่ถูกเข้ามาประชิด พระหัตถ์เรียวยาวขององค์ชายเอื้อมมากุมมือหนึ่งของนางไว้ ยื่นหน้ามาใกล้อย่างตั้งใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)