ครั้นถึงหน้าจวนสกุลเผย มู่เยี่ยนฟางก็ลงจากรถม้าด้วยใบหน้าเปล่งปลั่งสดใสจนชิงหลานยิ้มน้อยๆ อย่างรู้ทัน จงเหยียนแสร้งตีหน้าขรึมเดินตามลงจากรถม้า องค์ชายสิบห้าได้แต่นึกอิจฉาองครักษ์ของตนเองที่อาศัยยามลับตาคนพอได้ชื่นใจกับคนรักอยู่บ่อยๆ ทว่าพระองค์กลับได้แต่มองสาวน้อยตาละห้อย
‘คงต้องรอให้เจ้าปักปิ่นเสียก่อน ข้าจึงจะทำอย่างจงเหยียนได้’ หมิงเฉิงอวี่ได้แต่มาดหมายไว้ในใจ ใคร่คิดจะทบดอกทบต้นเสียให้สมรัก
คนทั้งจวนสกุลเผยมารอรับเสด็จองค์ชายถึงหน้าประตูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าเดินกระฉับกระเฉงเชื้อเชิญองค์ชายให้เข้ายังห้องโถงเรือนกลาง นางเตรียมชาชั้นดีและขนมจากภัตตาคารบึงหงส์เอาไว้รอถวาย กังเฉินทำหน้าที่ทดสอบพิษในอาหารเรียบร้อยในขณะที่องค์ชายทรงประทับพระเก้าอี้ตรงกลาง
“หม่อมฉันได้ยินว่าองค์ชายจะเสด็จมาเยี่ยม ช่างเป็นพระกรุณาเหลือเกิน เพคะ”
“มิได้ๆ เปิ่นหวางได้ยินว่าคุณหนูชิงอยากจะมาเยี่ยมท่านอยู่แล้วข้าจึงถือโอกาสมาดูด้วยว่าท่านสบายดีด้วยตาของตนเอง”
“ด้วยพระบารมีขององค์ชาย หม่อมฉันสุขภาพแข็งแรงดีวันดีขึ้นทีเดียวเพคะ”
“อันที่จริง เปิ่นหวางมีธุระสำคัญอีกประการหนึ่งอยากมาขออนุญาตฮูหยิน ผู้เฒ่าสักหน่อย คดีภายในตระกูลเผย นอกจากการเนรเทศถังหนิงหวงแล้ว พ่อบ้านของพวกท่านเปิ่นหวางเห็นแก่ที่เขาสำนึกตัวและมิได้ทำความผิดอันใดหนักหนาจึงส่งเขากลับไปบ้านเกิดเพราะหากยังอยู่ที่เมืองหลวงต่อไปอาจจะเป็นอันตรายได้ แต่ยังมีข้อข้องใจบางประการที่กำลังหาข้อสรุปอยู่ ครั้งนี้คิดอยากจะมาขออนุญาตค้นห้องของไคฉีกับถังฮูหยินอีกรอบ ท่านจะขัดข้องหรือไม่?”
“ไม่ขัดข้องเลยเพคะ ให้สาวใช้นำองครักษ์ขององค์ชายเข้าไปได้เลย” ฮูหยินห่วงเยวียนหันไปสั่งสาวใช้สองคนนำทางองครักษ์ทั้งหกคนเข้าไปค้นห้องสตรีทั้งสองที่ถูกปิดทิ้งเอาไว้ “องค์ชายจะเสด็จไปทอดพระเนตรด้วยหรือไม่เพคะ?”
หมิงเฉิงอวี่หันมาทางชิงหลาน “เช่นนั้นข้าไปดูกับองครักษ์ด้วยจะดีกว่า เจ้าอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าไปก็แล้วกัน”
“เพคะ” ชิงหลานก้มหน้าน้อยๆ นี่เป็นโอกาสที่นางจะได้อยู่กันส่วนตัวกับ ท่านย่า ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นท่าทางของชิงหลานดูเหมือนจะมีเรื่องอยากพูดกับตนเป็นการส่วนตัวจึงได้แสร้งทำเป็นขยับตัว “หม่อมฉันมีของที่อยากจะให้ชิงหลานเป็นการตอบแทนพอดี ขอประทานอนุญาตพานางไปห้องสักครู่นะเพคะ”
“พวกท่านตามสบายเถอะ”
“ท่านยายพาพี่ชิงหลานไปเถอะขอรับ ทางนี้หลานจะรับเสด็จองค์ชายเอง” เผยสือถงเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจนองค์ชายอดขำมิได้ เด็กชายอายุเก้าขวบผู้นี้ช่างพูดจาฉะฉานยิ่งนัก
“อืม...คุณชายน้อยเผย เจ้าเดินไปเป็นเพื่อนเปิ่นหวางก็ดี มีเรื่องอยากจะถามเจ้าอยู่พอดี”
ชิงหลานประคองฮูหยินผู้เฒ่าออกจากห้องโถงเรือนใหญ่มาจนถึงห้องนอนก็เอ่ยทักขึ้น “ดูเหมือนเจ้ามีบางอย่างอยากคุยกับข้าใช่หรือไม่?”
“ฮูหยินผู้เฒ่าช่างสายตาแหลมคมนัก ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะเรียนท่านจริงๆ เจ้าค่ะ” ชิงหลานไม่อาจจะบอกความจริงได้ว่านางคือเผยมู่ซีที่วิญญาณมาอาศัยร่างของผู้อื่นอยู่ เรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนั้นหากบอกไปอาจจะกลายเป็นการโกหกที่ยากจะเชื่อได้...มีเพียงความฝันที่พออ้างอิงได้!
“ข้าฝันเห็นคุณหนูใหญ่สกุลเผยเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินห่วงเยวียนผงะ นางยังไม่เคยเห็นผู้ใดอ้างว่าฝันเห็นหลานสาวสุดที่รักมาก่อน นับตั้งแต่หลานสาวจากไป นางอยากจะรู้นักว่าเผยมู่ซีมีความสุขดีหรือไม่? อย่างไร? แต่จนใจที่ไม่อาจจะสื่อสารกับดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับไปแล้วได้
“ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าเพิ่งสงสัย ได้โปรดฟังข้าน้อยจนจบก่อนเจ้าค่ะ!”
ใบหน้าของหญิงชราดูเศร้าสลดลงไปไม่น้อยเมื่อมีผู้เอ่ยถึงหลานรัก หากว่าสาวน้อยผู้นี้มิใช่ผู้ที่มากับองค์ชายสิบห้าและเคยช่วยชีวิตนาง ฮูหยินผู้เฒ่าคงระแวงว่าชิงหลานอาจจะมีเจตนาแอบแฝง
“เจ้าลองว่ามาสิ...เจ้าฝันว่าอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)