สัญชาตญาณของฮูหยินผู้เฒ่านั้นถูกต้อง เผยหนิงเอ๋อร์ไม่พอใจที่บิดากล้ายกเอาอนุคนที่สองขึ้นมาเป็นฮูหยินเอกแทนมารดาของตน นางจึงนัดพบกับใต้เท้าจื้อ อีกครั้งหนึ่ง คนทั้งสองลอบมีสัมพันธ์สวาทกันในห้องลับอีกครา จื้อซุ่นซีที่ติดเนื้อต้องใจกับหญิงสาวร้อนแรงอย่างเผยหนิงเอ๋อร์อย่างมาก เขาถูกนางปรนเปรอจนเออออรับปากหมดสิ้น
“หนิงเอ๋อร์ เจ้าจะทำให้ข้าหลงเจ้าโงหัวแทบไม่ขึ้นแล้วรู้หรือไม่?” ใต้เท้าจื้อฟ้อนเฟ้นหน้าอวบอิ่มขาวสล้างของหญิงสาวที่คร่อมอยู่ข้างบนตัวเอง
นางก้มหน้าลงค้ำแขนอยู่เหนือใบหน้าของขุนนางใหญ่พลางส่ายหน้าอกยั่วยวน “ใต้เท้าชอบข้าจริงหรือเจ้าคะ?”
“จริงสิ! เจ้าเก่งกาจเหนือทุกคนที่ข้าเคยร่วมเตียงมาเลยเทียว”
“เช่นนั้น ท่านก็ต้องรับปากจัดการเรื่องหนึ่งให้กับข้า” นางโน้มตัวลงให้หน้าอกหย่อนไปใกล้ใบหน้าของจื้อซุ่นซีอย่างยั่วเย้า
บุรุษผู้ชื่นชอบอย่างยิ่งหัวเราะร่วนเอ่ยด้วยเสียงต่ำแหบพร่า “เจ้าทำเช่นนี้...จะกี่เรื่องข้าก็ล้วนรับปากทั้งนั้น รีบสักหน่อยเถอะเย็นนี้ข้ามีงานต้องทำหลายงานเหลือเกิน”
เผยหนิงเอ๋อร์คิกคักพอใจนางจึงเริ่มต้นใช้ร่างกายเสียดสีรุกเร้าจื้อซุ่นซี เสียงครางด้วยความพอใจของขุนนางหนุ่มใหญ่ลั่นห้องสลับกับเสียงครวญเร่าร้อนของหญิงสาวที่ยืนยันว่านางต้องอยู่ข้างบนเท่านั้น!
ยามนั้นชิงหลานกับมู่เยี่ยนฟางที่ลอบติดตามคนทั้งสองออกจากจวนเผยมาห่างๆ จึงแสร้งแวะมารับประทานอาหารกลางวันที่เหลาหงส์ขาว
“คุณหนู นั่นมันไถส่วงนี่เจ้าคะ?”
สาวใช้ของเผยหนิงเอ๋อร์ดูกระสับกระส่าย นางคอยหันไปมองที่บันไดทางขึ้นชั้นสองอยู่บ่อยครั้ง ชิงหลานพยักหน้าพอใจ
“เราตามมาไม่ผิดที่แล้ว เหลาหงส์ขาวแห่งนี้ข้าจำได้ว่าเคยเห็นสายสืบเคยส่งข่าวมาที่สำนักเราหลายครั้ง?”
“ข่าวอันใดหรือเจ้าคะ?”
“เขาลือกันว่าในเหลาหงส์ขาวแห่งนี้ชั้นสองมีห้องลับอยู่อย่างไรเล่า?”
“ไม่ใช่ว่าข้างบนเป็นห้องอาหารสำหรับจัดเลี้ยงหรอกหรือเจ้าคะ”
“มีห้องจัดเลี้ยงและอีกส่วนหนึ่งเป็นห้องลับสำหรับนัดพบกันเป็นการส่วนตัวของพวกขุนนางกลุ่มหนึ่ง ข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นขุนนางกลุ่มใด?”
ไม่ว่าจะในฐานะเผยมู่ซีหรือชิงหลาน นางก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่า ห่วงเยวียนเคยพร่ำสอนว่าให้สนใจเหตุการณ์บ้านเมืองเอาไว้เพราะวันหนึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับตัวเราอย่างเลี่ยงไม่ได้นั่นเป็นความจริง ชาติก่อนนางมิได้สนใจว่าตระกูลใดหรือขุนนางคนใดจะเรืองอำนาจกระทั่งตนเองก็ต้องตายไปเพื่อสังเวยความต้องการในอำนาจของคนกลุ่มหนึ่ง ชาตินี้ตัวนางเองก็ต้องตกระกำลำบากเพราะถูกคนที่ต้องการอำนาจบีบบังคับ กระทั่งชีวิตก็อาจจะถูกพรากไปได้ทุกเมื่อ
“คุณหนูท่านคิดรอบคอบเสียจริง! ดีที่ให้คนคอยจับตาดูสองพี่น้องนี้เอาไว้ ดูเหมือนนางจะนัดคนนะเจ้าคะเพราะไม่เช่นนั้นไถส่วงก็คงจะขึ้นไปพร้อมกับนางแล้ว”
ชิงหลานได้รับการแต่งตั้งจากจินวั่งซู่ให้เป็นรองหัวหน้าสำนักนางจึงได้ให้สายสืบผู้หนึ่งคอยส่งข่าวภายในจวนเผยมาให้นางทุกระยะ แม้ถังหนิงหวงฮูหยินใจร้ายจะจากไปแล้วแต่ชิงหลานผู้มีจิตวิญญาณเป็นเผยมู่ซีรู้ดีว่าด้วยนิสัยของเผยหนิงเอ๋อร์กับเผยลู่หลิ่งแล้ว ไม่มีทางที่จะยอมให้อนุในจวนทั้งสองได้เสวยสุข
“ข้าไม่ไว้ใจนิสัยสองพี่น้องนี่นัก!”
“ท่านพูดเหมือนรู้จักคนทั้งสองมานานอย่างนั้นล่ะเจ้าค่ะ”
“เอ่อ...ก็ได้ยินสาวใช้ในจวนของพวกเขาพูดมาน่ะสิ” ชิงหลานเกือบลืมตัวไปว่ายามนี้ตนเองมิใช่เผยมู่ซีแล้วจะออกตัวว่ารู้จักคนในจวนเผยอย่างดีเช่นนี้อีกมิได้
“นั่นๆ ดูเหมือนนางจะลงมาแล้วนะเจ้าคะ”
“เราหลบไปทางโน้นดีกว่า ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดกันลงมาตามหลังนาง” ชิงหลานรีบพามู่เยี่ยนฟางหลบไปหลังฉากทางออกด้านข้าง
เผยหนิงเอ๋อร์เดินเยื้องกรายลงจากชั้นสองด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นางปรนนิบัติใต้เท้าจื้ออย่างถึงอกถึงใจจนขุนนางหนุ่มใหญ่ถึงกับมอบตั๋วแลกเงินสามร้อยตำลึงให้นางเอาไว้ใช้ซื้อเครื่องประทินโฉมอย่างไม่เสียดาย นางขอเดินลงไปขึ้นรถม้ากลับก่อนแล้วค่อยให้เขาเดินลงไปทีหลังเพื่อมิให้เป็นที่สังเกตของผู้คน
เผยหนิงเอ๋อร์ออกไปได้ครู่ใหญ่ ชิงหลานกับมู่เยี่ยนฟางถึงกับตาโตเมื่อเห็น ใต้เท้าจื้อเดินลงมากับผู้อารักขาอีกสองคน
“นั่นมัน....” มู่เยี่ยนฟางกำลังจะเอ่ยขึ้น ทว่าชิงหลานกลับหันไปยกมือขึ้นปิดปากนางเอาไว้ได้ทัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)