แรงกดดันจากพระสุรเสียงอันเปี่ยมด้วยอำนาจของหมิงฮ่องเต้ทำเอาซิวซีชวนแทบจิตเตลิด นางจึงโพล่งออกมาในทันที
“เอ่อ...อ่า...พระอาญามิพ้นเกล้า ชิงหลานเพิ่งเดินทางมาจากอำเภอเฉินเพคะ ยามนี้ที่จวนสกุลชิงกำลังทำการก่อสร้างเรือนใหม่ให้นางโดยเฉพาะจึงยังไม่สะดวกให้นางเข้าไปพักอาศัย นางจึงต้องอาศัยจวนสกุลมู่ของรองแม่ทัพมู่ไปก่อนเพคะ”ซิวซีชวนนึกขอบคุณตนเองที่มีไหวพริบเอาตัวรอดแก้ตัวได้ว่องไว
“อ้อ! เป็นเช่นนั้นเองหรือ? เอาเถอะ...ชิงหลาน เจิ้นกับฮองเฮาพอใจในฝีมือของเจ้ายิ่งนักจึงขอมอบของรางวัลให้แก่เจ้า...ว่าอย่างไรหรือฮองเฮา? อยากจะให้รางวัลนางสักเท่าใด?”
หลวนฮองเฮาเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของพระสวามีก็รู้ได้ในทันทีว่าชิงหลานผู้นี้คงจะเป็นผู้ที่องค์ชายสิบห้าทรงหมายมาดเอาไว้ พระนางจึงรีบตอบสนองพระสวามีในทันที
“ให้ปิ่นของหม่อมฉันกับเงินรางวัลสักห้าร้อยตำลึงเป็นอย่างไรเพคะ?”
“อืม! ต้องถามองค์ชายสิบห้าก่อนว่าพอใจกับรางวัลนี้หรือไม่?” หมิงฮ่องเต้ทรงยกยิ้มมุมพระโอษฐ์เล็กน้อยเมื่อหันไปทางพระอนุชาที่ปั้นหน้าเคร่งขรึม
“เป็นพระกรุณาสำหรับนางอย่างยิ่งพะยะค่ะ”
ชิงหลานรีบก้มลงกล่าวขอบพระทัยฮองเฮาและฮ่องเต้ ขันทีอาวุโสถือถาดนำปิ่นที่หลวนฮองเฮาทรงถอดจากพระจุฑามาศ (มวยผม) เอามายื่นตรงหน้า ชิงหลานหยิบแล้วเอามาถือไว้ในมือ ปิ่นปักผมอันล้ำค่าจากพระเกศาของฮองเฮา ชิงหลานไม่คิดว่านางจะได้รับพระกรุณาถึงเพียงนี้
“องค์ชายสิบห้า เจ้าก็ปักปิ่นให้นางหน่อยสิ ฮองเฮาจะได้ดูว่าเหมาะกับนางหรือไม่?”
“พะยะค่ะ” หมิงเฉิงอวี่แสร้งทำหน้านิ่งแล้วหันไปรับปิ่นปักบนผมที่เกล้าไว้ของนาง กระซิบเบาๆ ว่า...”ปิ่นนี้เหมาะกับเจ้านัก”
“ฝ่าบาท เหมาะมากจริงๆ เพคะ ชิงหลานผู้นี้อีกไม่กี่ปีก็คงกลายเป็นสตรีโฉมสะคราญผู้หนึ่งของแคว้นหมิงเป็นแม่นมั่น” หลวนฮองเฮารู้สึกว่าองค์ชายสิบห้าทรงมีสายพระเนตรแหลมคมยิ่งนัก คว้าเอาสตรีที่มีความสามารถและงดงาม
หมิงฮ่องเต้ทรงพระสรวลเบาๆ การที่ให้องค์ชายสิบห้าปักปิ่นให้นางต่อหน้าธารกำนัลก็เป็นการประกาศจับจองนางเอาไว้อีกนัยหนึ่ง เหล่าขุนนางทั้งหลายดูเหมือนจะเข้าใจในรับสั่งนี้ ใต้เท้าจื้อสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก บุตรสาวของเขายังถือสัญญา หมั้นหมายที่ยังมิได้ทำการพิสูจน์กับองค์ชายสิบห้า ฮ่องเต้ทรงทำเช่นนี้ก็เหมือนกับเลือกบุตรีสกุลชิงให้กับองค์ชายสิบห้า...แต่นางเป็นแค่บุตรีของอนุภรรยาจะควรค่าแก่การเป็นพระชายาเอกขององค์ชายได้อย่างไร?
….หมิงเฟยหลงทรงคิดจะหักหน้าข้าเช่นนั้นหรือ?...
จื้อซุ่นซีหันไปมองใต้เท้าเผย
‘เจ้าคนโลภผู้นั้นไม่กล้ายัดเยียดบุตรสาวให้องค์ชายสิบห้าแล้วสินะ แต่ต่อให้คิดจะส่งหนิงเอ๋อร์ไปให้ผู้ใด...ข้าก็ไม่มีวันยอม’ ใต้เท้าจื้อนึกถึงลีลาบนเตียงอันร้อนแรงของเผยหนิงเอ๋อร์แล้วก็นึกอยากจะนัดพบกับนางเร็วๆ
ทว่าระหว่างที่เขาเดินออกมาจากงานเลี้ยงเพื่อไปเข้าส้วมด้านหลังกลับพบ ซิวซีชวนที่เดินตามมา “ใต้เท้าจื้อ ท่านรอข้าสักหน่อยเถิด”
จื้อซุ่นซีหันไปมองชู้รักก็แสยะยิ้ม “วันนี้คนสกุลชิงได้หน้าไปไม่น้อยเลยนี้ บุตรีของอนุจวนเจ้าทำเรื่องดีๆ ต่อหน้าพระพักตร์จนได้ประทานปิ่นเป็นรางวัล มิใช่วันหน้านางจะได้เป็นพระชายาเอกขององค์ชายสิบห้าหรอกหรือ?”
“พี่ซุ่นซีท่านอย่ากล่าวแดกดันข้าเช่นนั้นเลย ท่านก็รู้ว่าเมื่อครู่ในท้องพระโรงข้ากระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก หากสถานการณ์ไม่กดดันข้าก็คงไม่เอ่ยปากว่านางกำลังจะเข้าไปอยู่ในจวนเช่นนั้นหรอกนะ” ซิวฮูหยินมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่ามุมต้นไม้ที่ตนยืนอยู่ค่อนข้างมืดจึงเดินเข้าไปประชิดร่างบุรุษตรงหน้าพลางจับแขนเขาเขย่าไปมา
“เจ้าระวังกริยาด้วย ที่นี่วังหลวงกำแพงมีหูประตูมีช่อง!”
ซิวฮูหยินได้สติรีบถอยห่างออกจากใต้เท้าจื้อ “ต่อให้ฮ่องเต้ทรงยินยอมให้ องค์ชายสิบห้าปักปิ่นให้นางต่อนางธารกำนัลทั้งท้องพระโรง ข้าก็จะช่วยท่านขัดขวางมิให้นางย่างเท้าเข้าไปในวังพยัคฆ์ขาว”
จื้อซุ่นซีมองเห็นประโยชน์ที่ตนจะได้จากหญิงแพศยาก็รีบหันมาพูดจาเอาใจ
“ชวนเอ๋อร์! เรื่องในจวนเจ้า ข้าก็คงต้องฝากให้เจ้าเป็นธุระเสียแล้วล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)