ชิงหลานหยิบขนมเปี๊ยะยื่นให้กับสาวน้อยบนรถเข็น
“ได้ยินว่าข้างในสอดไส้เม็ดบัวกับไข่เค็มเสียด้วย เจ้าชอบหรือไม่?”
สาวน้อยพยักหน้าพลางยื่นมือออกมารับ ริมฝีปากของนางพึมพำกล่าวคำขอบคุณ ชิงหลานยิ้มให้นางอย่างจริงใจ
“เอาไว้พี่เข้ามาอยู่ที่นี่แล้วจะขออนุญาตท่านพ่อพาเจ้าไปพบท่านหมอหญิงที่พี่รู้จักท่านหนึ่ง ท่านนี้เก่งกาจยิ่งนักนางเคยเข้าไปรักษาในวังหลวงมาแล้ว เจ้าอาจจะมีโอกาสหายได้”
ใบหน้าของชิงเว่ยเว่ยสดชื่นขึ้นมาอีกนิด หญิงสาวตรงหน้าหยิบยื่นความหวังเล็กๆ ให้นางทั้งๆ ที่เคยคิดว่าคงจะหมดหวังไปแล้ว ที่ผ่านมาท่านหมอมากมายเข้ามาตรวจ ให้ยา ฝังเข็ม ทำซ้ำซากจนนางเบื่อหน่าย แต่ประกายตาของพี่สาวคนใหม่ดูเหมือนจะมีความมั่นใจยิ่งกว่าทุกคน ทำให้นางพลอยมีความหวังตามไปด้วย
ชิงหลานเห็นสภาพชิงเว่ยเว่ยแล้วก็นึกถึงคำพูดของใต้เท้าชิง เด็กหญิงตรงหน้าได้รับอุบัติเหตุจนกลายมาเป็นสภาพนี้ แววตาของเด็กน้อยช่างดูอ้างว้างราวกับอยู่ตัวคนเดียวในโลก...ไม่รู้เหตุใดชิงหลานจึงรู้สึกเช่นนั้น?
มู่เยี่ยนฟางรินน้ำชาแล้วเลื่อนมาวางตรงหน้า “คุณหนูเว่ยเว่ย น้ำชานี้กลิ่นดียิ่งนัก ให้คลายร้อนลงสักนิดค่อยดื่มเถิด”
“จริงสิ! พี่ก็ลืมบอกกล่าวเจ้าไป นี่คือคุณหนูใหญ่สกุลมู่ มู่เยี่ยนฟาง แต่ก่อนนางเป็นญาติห่างๆ ของพี่ พวกเราเพิ่งรู้ว่านางถูกลักพาตัวมาจากสกุลมู่เมื่อไม่นานมานี้เอง”
ชิงเว่ยเว่ยพยักหน้ารับ นางเคยได้ยินอนุอันเล่าเรื่องนี้ให้สาวใช้ในเรือนฟังแล้ว
“จริงสิ คุณหนูเว่ยเว่ย หมอหญิงเกาที่คุณหนูใหญ่บอกว่าจะพาท่านไปรักษานั้นเก่งมากเลยนะ ครั้งที่ในสกุลเผยเกิดการวางยาพิษก็ได้นางนี่ล่ะช่วยรักษา”
เพล้ง!
จอกชาในมือของชิงเว่ยเว่ยหล่นลงพื้นตกแตกในทันที ดวงตาของเด็กหญิงตะลึงมองมู่เยี่ยนฟาง ชิงหลานรู้สึกแปลกใจที่น้องสาวผู้นี้เพียงได้ยินคำว่าสกุลเผยก็ ตกอกตกใจ
“เว่ยเว่ย เจ้าเป็นอันใดหรือ?”
“อะ...อะ...” นางอยากจะออกเสียงแต่กลับออกมาเพียงเท่านั้น นางอยากจะร้องออกไปเหลือเกินว่านางอยากรู้เรื่องราวในสกุลเผยยิ่งนัก!
สาวใช้กระวีกระวาดเข้าเก็บกวาดในทันที “คุณหนูเจ้าคะไม่ต้องกลัว! ข้าน้อยจะเก็บกวาดเดี๋ยวนี้ แค่จอกน้ำชาไม่เป็นไรนะเจ้าคะ”
ชิงเว่ยเว่ยไม่ได้หวาดกลัว เด็กหญิงหันไปคว้ามือพี่สาวที่เดินเข้ามาใกล้เพื่อหวังจะปลอบใจ สองมือน้อยนั้นกุมมือของชิงหลานเอาไว้ สบตาเป็นเชิงวิงวอน ชิงหลานรู้สึกว่าตนเองราวกับสื่อถึงจิตใจของชิงเว่ยเว่ยได้
“เจ้าอยากฟังเรื่องสกุลเผยหรือ?”
เด็กหญิงพยักหน้าหงึกหงัก ขณะที่มู่เยี่ยนฟางชะงัก นางรู้สึกว่าเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนเคยเกิดต่อหน้าตนมาก่อน...ความอยากรู้เรื่องสกุลเผยนี้เหมือนกับเมื่อครั้งที่ชิงหลานได้ยินเรื่องราวของสกุลเผยหลังจากที่ฟื้นจากความตาย
‘สองพี่น้องสกุลชิงนี่มีความเกี่ยวพันกับสกุลเผยได้อย่างไรกันนะ?’
ยังไม่ทันที่มู่เยี่ยนฟางจะขบคิดหาคำตอบได้ คุณหนูของนางก็หันมาหา
“ฟางเอ๋อร์ เจ้าเล่าเรื่องที่พวกเราเข้าไปช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากับฮูหยินใหญ่สกุลเผยให้เว่ยเว่ยฟังที”
มิใช่แค่เพียงมู่เยี่ยนฟางที่สงสัย! ตัวชิงหลานเองก็รู้สึกสงสัยในตัวน้องสาวต่างมารดาผู้นี้เช่นกัน...สีหน้าท่าทางนั้นแสดงความตกใจอย่างชัดเจน
....เด็กอายุเพียงเท่านี้ นางจะไปรู้สึกคนสกุลเผยได้อย่างไร? หากว่ามิใช่?.....
คิดมาถึงตรงนี้ชิงหลานก็พลันขนลุกไปทั้งร่าง หากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางในครั้งนั้นเกิดกับเยว่หยวนจุนด้วยเล่า? คุณหนูใหญ่ชิงหันไปจับตามองเด็กหญิงที่ตั้งใจฟังเรื่องที่มู่เยี่ยนฟางเล่า...เด็กน้อยส่งสายตาห่วงใยในยามที่มู่เยี่ยนฟางเล่าถึงฮูหยิน ผู้เฒ่าสกุลเผยและมีท่าทางโกรธแค้นเมื่อเล่าถึงตอนจับได้ว่าถังฮูหยินคือผู้คิดฆ่าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเผย
เมื่อเล่าจนจบ ชิงหลานคิดหาทางจะพูดกับชิงเว่ยเว่ยสองต่อสอง ทว่าอนุอันกลับเดินนำหน้าสาวใช้อีกคนมาถึงเสียก่อน
“คุณหนูใหญ่ ข้าขอรบกวนสักครู่” ดูเหมือนชิงหลานจะเป็นที่รู้จักของอนุภรรยาทั้งสองของบิดาแล้ว นางหันไปสบตาผู้มาเยือนเมื่อเห็นว่าอนุอันดูจะยิ้มน้อยๆ ให้อย่างเป็นมิตรจึงยิ้มตอบ
“อนุอัน เชิญเจ้าค่ะ”
“ได้เวลาที่เว่ยเว่ยต้องดื่มยาแล้ว ข้าขอนำตัวนางกลับเรือนก่อนเจ้าค่ะ” อนุคนที่สองของใต้เท้าชิงหันไปหาบุตรสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็น “เจ้ากลับไปดื่มยาก่อนเถอะวันหลังค่อยมาเรือนนี้ใหม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)