เยว่หยวนจุนเขียนเล่าว่าวิญญาณของนางหลุดไปเข้าร่างคุณหนูชิงเว่ยเว่ยที่กำลังเดินทางจากบ้านท่านตาท่านยายเข้ามารักษาตัวที่โรงหมอของท่านหมอฉงในเมืองหลวง หลังจากนางได้สติขึ้นมาก็ถูกนำตัวมาดูแลต่ออยู่ในจวนสกุลชิงแห่งนี้ แม้จะมีหมอแวะเวียนเข้ามารักษาหลายคนแต่ก็ทำได้เพียงฟื้นร่างกายให้แข็งแรง นางยังขยับขาได้ไม่มากนักยังไม่พอที่นางยืนได้และเดินได้
“เจ้าคงตกใจมากสินะหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในร่างใหม่ หยวนจุน...ข้าเองก็เช่นกัน แต่ก็ไม่กล้าบอกกล่าวผู้ใดว่าข้ามิใช่ชิงหลาน ได้แต่อดทนอยู่ในร่างนี้จนยอมรับได้”
ชิงหลานเล่าเรื่องที่ตนเองได้เข้าไปช่วยเหลือฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเผยและฮูหยินใหญ่คนใหม่ให้รอดพ้นจากการถูกวางยาโดยถังฮูหยิน ชิงเว่ยเว่ยหรือความจริงก็คือดวงจิตของเยว่หยวนจุนยิ้มทั้งน้ำตา นางดีใจที่ฮูหยินผู้เฒ่ารอดพ้นอันตรายมาได้ ครอบครัวของเยว่หยวนจุนทั้งหมดเสียชีวิตในช่วงน้ำท่วม สาวใช้สกุลเผยผู้นี้จึงมีเผยมู่ซีเป็นหลักยึดในชีวิตมาโดยตลอด นางเขียนในกระดาษบอกอดีตคุณหนูของตนว่านางเคยหมดอาลัยตายอยากเพราะคิดว่าคุณหนูใหญ่ของตนเสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้งตนเองยังมาพิการอยู่ในร่างเด็กหญิงผู้นี้อีก
“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะหาวิธีรักษาเจ้าให้หาย จงขอบคุณสวรรค์เถิดที่ทำให้เราสองคนยังมีลมหายใจอยู่”
ชิงเว่ยเว่ยยิ้มกว้าง ขณะนั้นอนุอันกำลังเดินเข้ามาพร้อมด้วยสาวใช้ ชิงหลานจึงรีบเก็บกระดาษที่เยว่หยวนจุนเขียนพับแล้วเก็บเข้าในสาบเสื้อของตน เมื่ออนุอันเดินมาถึงจึงพบว่าบุตรสาวกำลังวาดรูปดอกบัวอยู่
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่มาคอยดูแลเว่ยเว่ย”
“เว่ยเว่ยก็เป็นน้องสาวของข้า ต่อไปข้าจะสอนนางอ่านเขียนหนังสือเอง”
อนุอันได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ “นับตั้งแต่นางล้มเจ็บ นางก็เอาแต่เหม่อลอยมิได้สนใจสิ่งรอบข้าง นี่ข้าก็เพิ่งเห็นเว่ยเว่ยหยิบพู่กันและยังสีหน้าสดใสขึ้นมาก”
“เว่ยเว่ยเจ้านอนพักต่อเถอะ เอาไว้หายไข้แล้วค่อยให้สาวใช้ไปส่งที่เรือนของพี่ แล้วเราจะได้ไปหาท่านหญิงเกาด้วยกัน พี่จะหาทางรักษาเจ้าให้หายเอง”
เด็กหญิงยิ้มกว้างพยักหน้ารับ อนุอันเรียกให้สาวใช้นำยามาให้ชิงเว่ยเว่ยดื่มอีกถ้วยก่อนจะช่วยประคองนางให้นอนลง ชิงหลานจึงออกจากจวนไปยังโรงหมอของท่านหมอเกาเพื่อสืบดูว่าเกาเมิ่งเจี๋ยหมอหญิงคนงามกลับมาจากเทือกเขามังกรทะยานหรือยัง?
มู่เยี่ยนฟางกำลังง่วนกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว หงฮูหยินผู้เป็นมารดาคอยจัดแจงข้าวของเครื่องใช้ที่บุตรสาวจะต้องนำไปด้วยเพื่อเข้าพักเรือนหอในคฤหาสน์สกุลจง ระยะนี้จงเหยียนถูกห้ามมิให้มาพบกับว่าที่เจ้าสาวก่อนถึงวันแต่งงาน ประจวบกับเขาต้องเดินทางไปช่วยฝึกทหารหน่วยรบพิเศษของกองทัพที่เมืองพยัคฆ์เหินจึงมิอาจมาพบกับนางได้ ผ่านไปสิบกว่าวันเมื่อจงเหยียนกลับมาถึงเมืองหลวงเขาก็แอบลอบเข้ามาหานางที่เรือนในตอนดึก
“จงเหยียนท่านแอบมาเช่นนี้ประเดี๋ยวก็มีคนเห็นเข้า”
ชายหนุ่มหัวเราะร่วนดึงเอาว่าที่ภรรยามากอดไว้แนบอก
“เจ้าไม่เห็นใจข้าบ้างหรือสิบกว่าวันที่ไม่ได้อยู่เมืองหลวง ข้าคิดถึงเจ้าทุกวันคอยนับวันนับคืนจะได้กลับมาหาเจ้า รองแม่ทัพมู่ก็ร้ายเหลือเกิน แม้ปากจะอนุญาตให้ข้าแต่งงานกับเจ้าแต่พอข้าไปถึงค่ายพยัคฆ์เหินเขากลับใช้ข้าฝึกทหารแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน ทำเหมือนแค้นเคืองที่ข้าจะแย่งลูกสาวคนโตเขาไปเสียอย่างนั้น”
มู่เยี่ยนฟางได้ยินก็ตกใจนางรีบผละออกสำรวจเนื้อตัวชายคนรัก
“ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่ได้บาดเจ็บแต่ข้าปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมดเลยต่างหาก ท่านพ่อของเจ้าทำราวกับข้ากำลังไปฝึกเป็นองครักษ์เสื้อแพรไม่มีผิด ทั้งทารุณทั้งโหดร้าย ข้าได้แต่หมายมาดในใจว่ากลับมาถึงเมืองหลวง ข้าจะมาแก้แค้นกับบุตรสาวของเขาแทน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)