“เหตุใดเจ้าถึงกล่าวเช่นนั้น?”
“พิษที่เขาได้รับกระจายไปทั่วร่างแล้ว แม้จะช่วยชีวิตเขาได้แต่ไม่แน่ว่าเขาจะฟื้นในอีกสามวัน ครึ่งเดือน หรือหนึ่งเดือนข้างหน้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้วคุณชายจิน” นางยิ้มน้อยๆ อย่างยั่วเย้า
จินวั่งซู่รู้สึกขนลุกขนพองไปทั่วร่างความทรงจำเมื่อครั้งอยู่แคว้นจินวนเวียนกลับมาอีกครั้ง...นี่อาจเป็นแผนของนางมารร้ายผู้นี้!
“จะ เจ้า...เจ้าต้องการอะไร?”
“เงื่อนไขเดิม! ท่านต้องอยู่กับข้าหนึ่งคืน” นางขยับเข้ามากระซิบใกล้ๆ มือปราบจั๋วที่นั่งห่างออกไปจึงไม่ได้ยิน ทว่าเมื่อจบประโยคนั้นดูเหมือนจินวั่งซู่จะหน้าซีดลงทันที
“มะ ไม่....”
“ไม่เอาน่า! ข้าได้ยินว่าเขากำลังจะแต่งงานมิใช่หรือ? หากว่าเขาไม่อาจฟื้นขึ้นมาทันกำหนดการแต่งงานก็เป็นอันว่าพิธีน่ายินดีนี้ต้องล้มเลิกไปเลยเชียวนะ”
องค์ชายสิบห้าเสด็จมาถึงพอดี พระองค์ทรงเห็นสตรีงดงามที่ถือผ้าคาดหน้าอยู่ในมือก็เดาได้ทันทีว่านางน่าจะเป็นหมอหญิงเกาที่ฮ่องเต้เคยเล่าประทานว่าแท้จริงนางคือผู้เก่งกาจด้านการใช้พิษและรักษาพิษฉายา ‘ฮูหยินไร้รอย’ อดีตจอมยุทธ์อันดับต้นๆ แห่งยุทธภพผู้กลายร่างจากบุรุษชรามาเป็นสตรีเยาว์วัยสวยงามยิ่ง
“ท่านคงจะเป็นท่านหมอเกาหญิงที่ร่ำลือกัน?”
จั๋วเหรินหาวรีบลุกขึ้นคารวะองค์ชายสิบห้า เกาเมิ่งเจี๋ยก็ทำตาม
“เพคะ”
“อาการขององครักษ์จงเป็นอย่างไรบ้าง?”
เกาเมิ่งเจี๋ยนำเสด็จหมิงเฉิงอวี่เข้าไปดูอาการของจงเหยียนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง “ยามนี้เป็นตายเท่ากันเพคะ พิษไหลเวียนทั่วร่างแล้ว หม่อมฉันให้เขาดื่มสมุนไพรซับพิษออกจากร่างกายคงต้องใช้เวลาหนึ่งคืน แม้พิษนี้จะถูกดูดออกมาได้แต่ร่างกายของเขาจะต้องนอนนิ่งอยู่เช่นนี้สักพักซึ่งก็บอกชัดเจนไม่ได้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด?” ขณะพูดประโยคท้ายหางตาของเกาเมิ่งเจี๋ยก็ตวัดไปยังจินวั่งซู่ จอมเสเพลอันดับหนึ่งแห่งแคว้นหมิงถึงกับต้องเมินหน้าหนีเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้ตนรับปากเรื่องนั้น
“ท่านหมอเกาเก่งกาจสามารถในการรักษาพิษ ไม่น่าจะเป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรงของนางพะยะค่ะ” จินวั่งซู่รีบหันไปปลอบโยนองค์ชายที่ทรงมีพระพักตร์วิตกกังวล
“ข้ารู้...แต่อีกไม่นานเขาต้องเข้าพิธีวิวาห์แล้ว หากมาบาดเจ็บเช่นนี้จะหายทันงานแต่งหรือ?”
“อันที่จริงหากจะให้หม่อมฉันทำให้เขาฟื้นให้ได้ภายในสามวัน หม่อมฉันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่งเพคะ”
จินวั่งซู่ตาขวากระตุกในทันทีคิดอยากจะห้ามปากนางไว้เหลือเกิน แต่ไม่ทันเสียแล้ว...นางกราบทูลองค์ชายสิบห้าว่านางต้องการจินวั่งซู่มาร่วมห้องหนึ่งคืนเพราะนางร่างกายต้องปรับสมดุลหยินหยางจึงจะสามารถใช้พลังในการรักษาปราณภายในของจงเหยียนให้ฟื้นได้โดยเร็ว
“หืม! คุณชายจินนี่นะ เหตุใดจึงไม่เป็นผู้อื่นเล่าท่านหมอเกา?” องค์ชายสิบห้าถามออกไปแล้วจึงค่อยนึกขึ้นได้ว่าครั้งนั้นที่จินวั่งซู่ตามเสด็จจวิ้นอ๋องที่เป็นญาติผู้น้องไปแคว้นจินก็เคยถูกฮูหยินไร้รอยผู้นี้บังคับให้อยู่ร่วมห้องมาแล้วหนึ่งคืน เรื่องครั้งนั้นจวิ้นอ๋องทรงเล่าให้พระองค์ฟังอย่างสนุกสนานแต่ย้ำว่าห้ามแพร่งพรายเพื่อรักษาหน้าให้กับจินวั่งซู่
“เพราะหม่อมฉันมีใจให้คุณชายจินเพคะ หากว่าได้ร่วมห้องกับเขาจึงจะทำให้พลังหยินหยางของหม่อมฉันสมดุล”
จินวั่งซู่ผงะ ถอยหลังไปสองสามก้าว ดีที่องครักษ์กังสองพี่น้องมิได้ตามเสด็จเข้ามาในห้องนี้มิฉะนั้นเขาคงอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
“คุณชายจินถือว่าข้าขอร้องเถอะนะ...ท่านได้โปรดช่วยจงเหยียนด้วย”
จอมเสเพลแห่งเมืองหมิงถึงกับอ้าปากค้าง ในเมื่อองค์ชายสิบห้าทรงขอร้องเขาก็ยากจะปฏิเสธ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นัก ยามนั้นชิงหลานกับมู่เยี่ยนฟางตามมาถึงโรงหมอพอดี ด้วยความเป็นห่วงคนรักอย่างมาก คุณหนูมู่ก้าวพรวดพราดเข้ามาในห้องที่จงเหยียนนอนอยู่จึงได้ยินสิ่งที่คนทั้งสามกำลังคุยกัน มู่เยี่ยนฟางโผล่เข้ามาถึงก็คุกเข่าลงต่อหน้าจินวั่งซู่
“คุณชายจิน! ได้โปรดช่วยคู่หมั้นข้าด้วยเถอะ อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะได้แต่งงานกันแล้ว ความหวังที่รอมาทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับท่าน!”
จินวั่งซู่อึกอัก หันไปมองเกาเมิ่งเจี๋ยที่ยิ้มหวานยืนอยู่ไม่ไกล
“หากเจ้าทำอย่างเดิม ขะ ข้าจะยอมก็ได้...แต่บอกไว้ก่อนว่าห้ามทำอย่างอื่นที่ข้าไม่เต็มใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)