“ท่านพี่เพคะ! อ๊ะ! อ๊า! อ๊ะ!”
แสงเทียนเพียงเล่มเดียววอมแวมอยู่ห่างจากเตียงพอประมาณ ใต้ม่านมุ้งต่างคนต่างมองเห็นอีกฝ่ายผ่านความสว่างเพียงเล็กน้อยนั้น เสื้อผ้าของนางถูกเขาถอดออกทีละชิ้นแล้วเขวี้ยงปลิวหวือออกจากรอยแหวกร่วงหล่นลงพื้น นางรู้สึกเย็นตามเนื้อตัวและอายที่เขามองตามเนื้อตัวเปลือยเปล่าอย่างหลงใหล ด้วยความอายจึงได้ร้องออกมา
หมิงเฉิงอวี่ใช้ริมฝีปากและมือสัมผัสร่างกายนางไปเสียทุกส่วน
“หลานเอ๋อร์! เจ้าเอามือออกหน่อยสิ! ข้ามองไม่ถนัด นี่ข้าไม่น่าดับเทียนอีกสองเล่มไปเลย” เสียงกระซิบแหบพร่าดังอยู่ตรงซอกคอของนาง
ไม่ว่ามืออุ่นใหญ่ของเขาแตะต้องไปส่วนใดราวกับร่างกายของนางถูกเตาไฟอุ่นนาบลงไปตรงนั้น หมิงเฉิงอวี่เองก็รู้สึกว่าตนเองรุ่มร้อนไปทั้งเนื้อทั้งตัวร่างกายขยายราวจะปริแตก
มือไม้ของคนทั้งสองทั้งกอดรัดลูบไล้อีกฝ่ายพัลวัน เสียงที่ดังเล็ดลอดออกไปภายนอกทำให้นางกำนัลสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องถึงกับหน้าแดง แม้พวกนางจะถูกอบรมเรื่องการเข้าหอของเจ้านายมาเพื่อให้ปรนนิบัติคู่อภิเษกสมรสใหม่ได้อย่างถูกต้องแต่ก็อดจะยิ้มเขินกันมิได้ที่ได้ยินคำพลอดรักของคนทั้งคู่ กังเฉินกับกังซือเฉินเดินกลับมาตรวจสอบความเรียบร้อยรอบเรือนหอได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของคู่บ่าวสาวก็หันไปสบตากันแล้วหัวเราะคิกคัก
ผ่านสายลมวสันต์หอบใหญ่ไปคราแรก องค์ชายทรงร้องเรียกให้นางกำนัลมาผสมน้ำอาบ พวกนางจึงได้เข้ามาเตรียมให้โดยไม่กล้าหันไปมองผ่านม่านมุ้ง
“เจ้าจุดเทียนเพิ่มให้ข้าที!”
“เพคะ”
หมิงเฉิงอวี่นำผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาห่อร่างเจ้าสาวที่ไร้อาภรณ์ใต้ผ้าห่ม ไปลงอ่างน้ำอุ่น ก่อนจะถอดตามลงไป
“ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงวันที่เราเข้าหอกัน ข้าวาดหวังมาตลอดว่าจะได้อาบน้ำกับเจ้าเช่นนี้” มือไม้ของเขาลูบไล้ไปตามเนื้อตัวนางใต้น้ำอุ่น ชิงหลานเอนกายพิงหลังเงยหน้าขึ้นใช้จมูกสีไปมากับคางของสามี
นางสะดุ้งน้อยๆ เมื่อเขาใช้นิ้วเขี่ยไปตามจุดอ่อนไหวในบางครั้ง
“ท่านพี่ อย่าเพิ่งโจมตีหม่อมฉันสิเพคะ”
“เต้าหู้ของเจ้าน่ากินถึงเพียงนี้ ข้ากินทั้งคืนก็ยังไม่รู้จะอิ่มหรือไม่?”
เสียงพูดคุยดังขึ้นไม่นานนักก็กลายเปลี่ยนเป็นเสียงครางอย่างเร่าร้อน ออกมาจากประตู นางกำนัลทั้งสองหันไปสบตากันแล้วยิ้มน้อยๆ อีกครั้ง เห็นทีองค์ชายของพวกนางคงจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ในคืนนี้
“เจ้าจะพนันว่ากี่รอบ?”
“ห้า สิบตำลึง”
“หก เท่ากัน”
“ได้! ว่าแต่เราสองคนใกล้จะออกเวรยามแล้ว ให้สองคนนั้นนับต่อดีหรือไม่?” พวกนางหมายถึงนางกำนัลอีกสองคนที่จะมาผลัดเวรในยามจื่อ (23.00-24.59 น.)
“เจ้าคิดว่าพวกนางสองคนจะไม่พนันกับพวกเราหรือ?”
“แน่นอน! พวกนางไม่กล้าพลาด!”
ครู่ใหญ่พวกนางก็ได้ยินเสียงเจ้านายทั้งสองขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ดูเหมือนองค์ชายกับพระชายาจะกลับไปประทับยังเตียงนอนอีกครั้งแล้ว ครั้นนางกำนัลสองคนเดินมาผลัดเวร เสียงพูดคุยของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็ดังขึ้นอีกครั้ง นางกำนัลทั้งสี่กระซิบกระซาบและสบตากันอย่างมีเลศนัย
“พรุ่งนี้เราค่อยมาสรุปกัน ตกลงตามนี้!”
หัวหน้ามือปราบโหยวได้รับแจ้งเบาะแสที่พักของอู่ฉางชิงหลังจากพิธีอภิเษกสมรสขององค์ชายสิบห้าหนึ่งวัน โหยวอีจึงนำความไปรายงานให้หัวหน้าองครักษ์ประจำวังพยัคฆ์ขาวได้ทราบ องค์ชายสิบห้าจึงมอบหมายให้กังเฉินนำองครักษ์ไปร่วมจับกุมอู่ฉางชิง
“องค์ชาย กระหม่อมขอไปจับกุมมันผู้นั้นด้วยตนเองพะยะค่ะ” จงเหยียนที่เคยถูกคนของอู่ฉางชิงทำร้ายปางตายจึงขันอาสาในทันที
“ได้! เจ้าระวังตัวด้วย...ข้าอยากได้ตัวมันในขณะยังมีชีวิตอยู่”
จงเหยียนแสยะยิ้ม ‘ความแค้นของข้า! ต้องสะสางด้วยตนเอง’
ดวงตะวันเพิ่งลับเหลี่ยมทิวไม้ นอกจากเสียงนกร้องและลมกรรโชกโยกกิ่งไม้ปลิวไสว เสียงฝีเท้าคนร่วมครึ่งร้อยปะปนมาด้วย แม้จะพยายามทำให้ เมื่อเหล่าองครักษ์และมือปราบจำนวนมากไปล้อมจับกุมเรือนนอกเมืองหลังหนึ่งจงเหยียนมุ่งหาเพียงอู่ฉางชิงกระทั่งเจอคนผู้นั้นกำลังนั่งปรึกษาหารือกับลูกน้อง
เคร้ง! เคร้ง! คร้าง!
เสียงกระบี่กระทบกันสนั่นจากภายนอกทำให้อู่ฉางชิงหันไปคว้าอาวุธคู่ใจ ทว่ากลับได้ยินเสียงตวาดของร่างที่ยืนอยู่หน้าประตู
“อู่ฉางชิง! ข้ามาทวงแค้นคืนแล้ว!”
สีหน้าของคนถูกท้าทายเครียดขึ้ง “ถึงขนาดนั้นแล้ว เจ้าก็ยังไม่ตาย ดูท่าพญายมคงจะอยากให้ข้าเป็นคนส่งเจ้าไปด้วยมือของตนเอง!”
ทั้งสองคนกระโจนยื่นกระบี่กระโจนเข้าหากัน จงเหยียนเต็มเปี่ยมด้วยพลังความแค้น ฟาดฟันอย่างเต็มกำลัง
“ย๊าก!!!”
มือปราบโหยวสั่งพลธนูช่วยยิงสกัดลูกน้องของอู่ฉางชิงเพื่อให้คนทั้งสองได้ต่อสู้กันตัวต่อตัวตามที่จงเหยียนต้องการ เสียงกระทบกันของกระบี่ลดน้อยลงแล้วเหลือเพียงคนทั้งสองที่ยังต่อสู้กันอยู่กลางลานของเรือน จงเหยียนมองเห็นช่องโหว่ของอู่ชางฉิงจึงแทงกระบี่เข้าไปในตำแหน่งพิฆาตทันที
“อ๊าก!!!” ร่างของอู่ฉางชิงล้มลงพร้อมกับการถอนกระบี่ออกของจงเหยียน เลือดพุ่งกระฉูดออกจากใต้หน้าอกข้างซ้าย จงเหยียนไม่รอช้าตวัดกระบี่เข้าตัดเส้นเอ็นข้อเท้าของอู่ฉางชิงทั้งสองข้าง
“โอ๊ย!....เจ้า! เจ้าทำอันใดข้า?”
“อู่ฉางชิง! คนชั่วช้าอย่างเจ้าไม่อาจจะให้ตายไปเสียโดยง่าย เหลือชีวิตกลับไปรับฟังการพิพากษาโทษของตนเองก่อน แค้นนี้ของข้าจะให้เจ้าบาดเจ็บแค่เล็กๆ น้อยได้อย่างไร?” องครักษ์จงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งเมื่อเดินเข้าไปใกล้อู่ฉางชิงที่ทรุดตัวลงคุกเข่ามือกุมแผลก็ฟันลงบนข้อมือของศัตรูในทันที
“อ๊าก!!!” เส้นเอ็นที่แขนสองข้างของอู่ฉางชิงก็ถูกตัดจนขาด
“ข้าจะได้เจ้าลิ้มรสความทรมานจากการไปแวะเยี่ยมชมเส้นทางไปนรกสักหน่อย”
“จับมันไป!” หัวหน้าโหยวที่ยืนดูการต่อสู้จึงร้องสั่งให้มือปราบรีบลากอู่ฉางชิงไปนอนบนรถเข็นที่เตรียมมาจัดการกับศพคนร้าย
***************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)