เพียงสามวันชิงหลานก็สามารถลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปมาได้ ท่านหมอเกายินดียิ่งนักไม่เพียงแต่รับเงินค่ารักษาเล็กน้อยหากแต่ยังห่อสมุนไพรบำรุงกำลังให้ จังฮูหยินเพื่อนำไปต้มให้สาวน้อยได้ดื่มอีกหลายเดือน
“เห็นหลานเอ๋อร์แข็งแรงเช่นนี้ ข้าที่เป็นหมอก็พลอยมีความสุขไปด้วย ฮูหยินท่านนำสมุนไพรเหล่านี้กลับไปต้มให้นางกินเถอะ”
จังฮูหยินน้ำตารื้น “พระคุณครั้งนี้ข้าจะไม่มีวันลืม”
“อย่าได้คิดมาก เห็นบุตรสาวของท่านฟื้นจากความตายมาได้อย่างอัศจรรย์เช่นนี้ บอกตามตรงล้วนเป็นเพราะวาสนาของนาง ข้าเองก็มิได้ทำอันใดมาก”
“หากไม่มีท่าน หลานเอ๋อร์ของข้าก็คง.....”
“ไอหยา....ฮูหยิน สิ่งใดที่ผ่านมาแล้ว เอ่ยขึ้นมาก็ไร้สุขท่านอย่าได้กล่าว อีกเลย”
จังฮูหยินเห็นว่าบุตรสาวสีหน้าแจ่มใสร่างกายแข็งแรงก็ยินดียิ่งนัก หลานเอ๋อร์ขอให้มารดาพาตนเดินเล่นที่ตลาดในเมืองหลวงก่อนกลับอำเภอเฉิน ฮูหยินก็ยินยอม เงินที่นางเตรียมมาไว้รักษาบุตรสาวยังเหลือพอจะซื้อชุดใหม่ให้หลานเอ๋อร์ได้สองชุด ผ่านมาหลายปีชุดที่หลานเอ๋อร์ใส่ล้วนแต่ได้ปะชุนมาแล้ว เผยมู่ซีที่แม้จะอยู่ในฐานะถูกกดขี่ในจวนแต่เสื้อผ้าที่นางใส่มิได้ซอมซ่อจนน่าสงสารอย่างหลานเอ๋อร์ เมื่อเห็นจังฮูหยินซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ก็ยิ้มน้อยๆ
‘สองแม่ลูกสกุลชิงช่างน่าเวทนานัก กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังต้องปะชุนเพื่อสวมใส่ ในขณะที่ข้า ผู้คิดว่าตนเองลำบากอย่างน้อยท่านย่าก็ยังให้เสื้อผ้าใหม่ข้าปีละหลายชุด ต่อไปข้าต้องรู้จักคุณค่าของเสื้อผ้าให้มากขึ้น’
“หลานเอ๋อร์ แม่ขอโทษที่ปีก่อนมิได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้าเพราะพวกเราต้องเปลี่ยนเครื่องนอน คราวนี้มาเมืองหลวงก็ถือโอกาสซื้อชุดให้เจ้าสักสองชุดก็แล้วกัน”
“ขอบคุณท่านแม่” เผยมู่ซีในร่างของหลานเอ๋อร์ก็พอจะเห็นว่าจังฮูหยินเองก็มิได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เช่นนั้น แม้ชุดของนางจะสะอาดสะอ้านแต่ก็ดูรู้ว่าสวมใส่มาแล้วหลายปี การพาบุตรสาวมารักษาตัวในเมืองหลวงครั้งนี้นางคงจะเลือกชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะมีได้มาแล้วกระมัง? เผยมู่ซีมองดูจังฮูหยินด้วยความเห็นใจ อนุภรรยาในเรือนที่ฮูหยินเอกโหดร้ายก็มักจะเจอชะตากรรมเช่นนี้
“หลบด้วย! หลบด้วย!” ขบวนมือปราบจำนวนมากที่ขี่ม้านำทางรถม้าคันใหญ่ที่ประดับด้วยผ้าขาวและดำร้องตะโกนสั่งผู้คนสองข้างทาง
ผู้คนสองข้างทางต่างชี้ชวนกันซุบซิบดูรถม้าสองคันที่วิ่งตามกัน
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นหรือ?”
“ว่าที่พระชายาขององค์ชายสิบห้าน่ะสิ! รถม้าตกหน้าผาสิ้นชีพไปพร้อมสาวใช้คนสนิทน่าอนาถนัก เห็นว่ากำลังเตรียมตัวจะเข้าพิธีอีกไม่กี่วันนี้แล้ว”
หลานเอ๋อร์ยืนตะลึงอยู่ข้างมารดา แม้จะรู้ตัวตนเองเสียชีวิตไปแล้วทั้งยังได้เห็นสภาพอันสยดสยองของศพตนเองกับตาแต่นางก็อดจะน้ำตาไหลในชะตากรรมของตนเองมิได้ คนที่ยืนรายรอบล้วนยืนยันว่านั่นคือศพของคุณหนูเผยที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์ชายสิบห้าผู้เป็นพระอนุชาของหมิงฮ่องเต้
‘ในเมื่อข้าตายไปแล้ว พันธะสัญญาแต่งงานก็คงถูกยกเลิกหรือไม่สกุลเผยก็อาจจะคัดเลือกคุณหนูคนที่เหลือในสกุลไปเสนอต่อราชสำนัก ช่างเถอะ...ถึงอย่างไรแต่นี้ก็ไม่เกี่ยวกับข้า’
จังฮูหยินได้ยินชาวบ้านวิจารณ์เรื่องสตรีที่เคราะห์ร้ายทั้งสองก็นึกเวทนา ครั้นก้มหน้าลงกลับได้เห็นบุตรสาวของตนน้ำตาไหลพราก ยืนโงนเงนคล้ายจะเป็นลม
“หลานเอ๋อร์! เจ้าเป็นอันใดไป?” จังฮูหยินปล่อยมือทิ้งข้าวของลงพื้นก่อนจะหันไปประคองบุตรสาวที่บอบบางอย่างยิ่ง ชิงหลานร่างทรุดลง เสี่ยวลิ่งเองก็ตกใจรีบตะโกนบอกคนรอบข้างให้ถอยออกไปให้หมด
บุรุษรูปร่างสูงโปร่งงามสง่าที่ขี่ม้าย่างเหยาะตามหลังขบวนรับศพว่าที่พระชายาหันมามองราษฏรที่ยืนล้อมกันอยู่ เขาดึงบังเหียนม้าให้หยุดต่อหน้า
“เกิดอันใดขึ้น? เหตุใดพวกเจ้าจึงมุงกันขวางขบวนม้าของมือปราบเช่นนี้”
จังฮูหยินเงยหน้าขึ้นมองบุรุษรูปงามผู้นั้น ดูจากเครื่องแต่งกายและม้าตัวงามที่เขาขี่แล้วนางก็พอประเมินได้ว่าฐานะของเขาย่อมไม่ธรรมดา
“ขออภัยด้วยเถิดคุณชาย บุตรสาวของข้าร่างกายอ่อนแอเพิ่งหายป่วยจึงเป็นลมไป มิได้ตั้งใจจะขัดขวางขบวนของพวกท่านเลยจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)