“พวกเขามิได้ลืมหรอก ข้าคิดว่าเจ้าของเรือนใหม่คงฐานะดีพอจะซื้อภาพจริงแล้วจึงได้ทิ้งของเลียนแบบพวกนี้เอาไว้ที่นี่”
เผยมู่ซีคลี่ม้วนภาพพวกนั้นออกกางบนโต๊ะใหญ่หลายภาพ พลันนางก็นึกถึงคำพูดของเถ้าแก่เนี่ยร้านเครื่องเขียน...
‘จริงสิ! หากภาพพวกนี้ขายได้ล่ะก็...ข้าเองก็มีหนทางหาเงินได้เช่นกัน’
เสี่ยวลิ่งได้แต่งุนงงที่คุณหนูไล่ให้นางออกจากห้องหนังสือแล้วปิดประตูเงียบอยู่คนเดียวเกือบสองชั่วยาม ทว่านางก็ไม่มีโอกาสได้เซ้าซี้เพราะต้องไปช่วยจังฮูหยินขึงผ้าเตรียมปัก งานของพวกนางสองคนนับว่าตึงมือยิ่งนัก เงินมัดจำที่รับมาแล้วล้วนเป็นภาระค้ำคอให้ต้องตั้งใจทำอย่างเต็มที่ ตราบจนบ่ายคล้อยจังฮูหยินและเสี่ยวลิ่งจึงได้ยินเสียงฝีเท้าคุณหนูตรงเข้ามายังห้องปักเย็บ
“ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
“เจ้าทำอันใดสำเร็จหรือ?” จังฮูหยินเงยหน้ามองบุตรสาวพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านแม่กับเสี่ยวลิ่งมาดูผลงานของข้าสิเจ้าคะ” ดวงตากลมโตของชิงหลานเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนสตรีทั้งสองต้องวางมือจากงานปักแล้วเดินตามไปยังห้องหนังสือ
เสี่ยวลิ่งมองภาพที่เหมือนกันสองภาพวางอยู่ข้างกันบนโต๊ะตัวเล็กด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูเจ้าคะ? ภาพนี้มีเหมือนกันสองภาพหรือเจ้าคะ?”
ชิงหลานส่ายศีรษะ ชี้ไปที่ภาพข้างขวามือของตนอย่างภาคภูมิใจ
“มีภาพเดียว แต่ข้างนี้คือภาพที่ข้าวาดขึ้นต่างหาก เจ้าไม่เห็นหรือเสี่ยวลิ่งว่าหมึกยังไม่แห้งดีเลย”
“คุณหนู ท่านวาดภาพได้สวยถึงเพียงนี้เทียวหรือ?” เสี่ยวลิ่งตะลึงมอง นางไม่เคยเห็นคุณหนูวาดภาพเช่นนี้สักครั้ง
จังฮูหยินตกใจยิ่งกว่า ชั่วชีวิตของบุตรสาวมิเคยร่ำเรียนการวาดภาพแต่อย่างใด? ที่ผ่านมาแค่เพียงเขียนอักษรได้ครบพันอักษรตามตำราพื้นฐานหากแต่ก็มิได้สวยงามพอจะเอ่ยชื่นชม...บุตรสาวที่ฟื้นมาจากความตายผู้นี้ วาดภาพได้ราวกับ จิตรกรมืออาชีพจะมิให้นางตกใจได้อย่างไร?
“ท่านแม่ ท่านว่าภาพของข้าพอจะขายได้หรือไม่?”
ประโยคนั้นของบุตรสาวดึงสติของจังฮูหยินให้กลับมา
“ได้สิ...เจ้าวาดสวยถึงเพียงนี้ย่อมขายได้แน่”
เผยมู่ซีหันไปชี้ให้สตรีทั้งสองดูว่านางวาดภาพเลียนแบบได้ถึงสองภาพ เสี่ยวลิ่งเห็นแล้วก็รีบกระวีกระวาดชวนคุณหนูของนางนำภาพพวกนั้นไปที่ร้านขายภาพวาดในตลาด จังฮูหยินเอ่ยปากอนุญาต รอจนหมึกบนภาพแห้งเสี่ยวลิ่งจึงรีบม้วนภาพทั้งสามหนีบใส่รักแร้แล้วจูงมือคุณหนูของตนไปตลาด
“พวกเจ้ารีบไปรีบกลับก่อนฟ้ามืดนะ” จังฮูหยินสั่งเสี่ยวลิ่ง
“ฮูหยินเจ้าคะ ตลาดอยู่แค่นี้เอง ข้าจะรีบพาคุณหนูกลับเร็วแน่นอน”
ชาวบ้านเห็นเสี่ยวลิ่งจูงมือเด็กสาวร่างผอมบางก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือคุณหนูชิงที่ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่ในเรือนมานานหลายปี บัดนี้เห็นนางดูแข็งแรงเดินเหินได้คล่องต่างพากันยินดีส่งเสียงร้องทักทายอยู่เป็นระยะ
“คุณหนูชิง แข็งแรงดีแล้วนี่...สวรรค์เมตตาเสียจริง!” หญิงชราที่เรือนปากทางเคยเห็นชิงหลานแต่เล็กแต่น้อย เดินออกมาเห็นเด็กหญิงสีหน้าสดใสก็ยิ้มกว้าง
เผยมู่ซียืนนิ่งนางยังนึกไม่ออกว่าหญิงชราผู้นี้มีชื่อใด? เคราะห์ดีที่เสี่ยวลิ่งหันไปตอบหญิงชราผู้นั้นแทน
“คุณหนูเพิ่งแข็งแรงขึ้นหลังจากไปรักษาที่เมืองหลวงกับท่านหมอเกานี่ล่ะเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านยายที่เป็นห่วงนะเจ้าคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)