ผ่านไปสองวันด้วยความโล่งอก เผยมู่ซีไม่ต้องคอยหันซ้ายหันขวาอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าองค์ชายสิบห้ามิได้มาคอยจับผิดตนเองอีกนางก็รู้สึกสบายใจ ตั้งหน้าตั้งตาวาดภาพอย่างว่องไว ฝีแปรงที่คม เส้นสายเรียวเล็กและชัดเจนของนางทำให้จิตรกรจากหอชั้นบนพากันลงมายืนชื่นชมอยู่ไม่ขาด พวกเขาอาศัยยามพักมือเดินลงมาดูนางตวัดพู่กันด้วยความสนใจ
“เจ้าอายุน้อยแต่กลับมีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ เห็นทีต่อไปพวกเราคงจะกลายเป็นหมาหัวเน่าเสียแล้ว”
“ดูการตวัดพู่กันของนางสิ เต็มไปด้วยความมั่นใจ คม ชัด ฉับไวเหลือเกิน”
“แม่หนูน้อย เจ้าเก่งเช่นนี้ฝึกฝนอีกสักหน่อยก็คงเป็นจิตรกรหลวงได้สบาย”
พวกเขาล้วนยืนวิพากษ์วิจารณ์อยู่ข้างหลังนางอย่างออกรส ในขณะที่นางรู้สึกได้รับพลังอย่างมากเมื่อได้รับการถ่ายทอดรับสั่งขององค์ชายจากจิตรกรหลู
“เงินค่าจ้างหรือเจ้าคะ?”
“ใช่ๆ องค์ชายรับสั่งว่าหากเจ้าทำงานได้เป็นที่พอพระทัยจะพระราชทานรางวัลให้เจ้าด้วย”
ใบหน้าของเผยมู่ซีเบิกบานยิ่งขึ้นไปอีก...คำว่า ‘เงินรางวัล’ ช่างสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้นางเสียยิ่งกว่าสิ่งใด นางรีบมุ่งมั่นวาดภาพขั้นที่สองอย่างว่องไว ภาพที่นางและจิตรกรจากชุมนุมต้องรับผิดชอบนั้นล้วนเป็นภาพทิวทัศน์แคว้นหมิง ขุนเขา ลำธาร แมกไม้ในเขตเทือกเขามังกรทะยานที่ทอดตัวเป็นกำแพงธรรมชาติขวางระหว่างแคว้นหมิงกับแคว้นเว่ยและแคว้นจิน เต็มไปด้วยพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ เผยมู่ซียังมิเคยเดินทางไปถึงชายแดนเทือกเขาเลยสักครา ยิ่งวาดนางก็ยิ่งนึกอยากจะเห็นเทือกเขาอันลือลั่นแห่งนี้
เมื่อทรงทราบว่าเด็กหญิงนางนั้นจำต้องกลับจวนสกุลชิงเพื่อไปนอนพักผ่อนในยามบ่าย องค์ชายสิบห้าจึงทรงพาอาจารย์จ้าวที่เพิ่งเดินทางมาถึง เร่งรุดไปยังวิหารเก้าเทพเพื่อจะได้เจอตัวชิงหลาน ทว่ากว่าจะไปถึงวัดก็เลยเวลาเที่ยงวันไปแล้ว หมิงเฉิงอวี่ได้แต่คิดว่าชะรอยเด็กหญิงผู้โอหังผู้นั้นคงไม่มีวาสนาได้พบกับจิตรกรจ้าวเสียแล้ว
“เอ๊ะ! นางยังไม่กลับหรอกหรือ?” เมื่อมองไปยังล่างของวิหาร ยังมองเห็นร่างผอมบางก้มๆ เงยๆ อยู่ที่มุมผนังในส่วนที่นางรับผิดชอบอยู่ องค์ชายสิบห้าสาว พระบาทเร็วกว่าเดิม “เร็วเข้าอาจารย์จ้าว! เปิ่นหวางอยากให้ท่านได้พบกับคนผู้นี้”
“ผู้ใดกัน? จึงทำให้องค์ชายทรงตื่นเต้นถึงเพียงนี้”
หมิงเฉิงอวี่หยุดอยู่ผนังใหญ่ชั้นหนึ่ง
“เด็กคนนี้น่ะหรือ?” จ้าวอี้หลงมองนางวาดเส้นอย่างว่องไวราวกับจิตรกรที่ฝึกฝนมาแล้วนับสิบปี เส้นสายและฝีมือของนางช่างคุ้นตานัก...จิตรกรวังหลวงนึกทบทวนอยู่ครู่แล้วพลันตะลึง....
“แม่หนูน้อย เจ้าวางพู่กันสักครู่ได้หรือไม่?”
เสียงที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้สมาธิของเผยมู่ซีแตกกระเจิง มือที่ถือพู่กันชะงักอยู่ครู่ก่อนจะหันกลับมายังต้นเสียง ใบหน้าที่นางเงยขึ้นเห็นนั้นทำเอาเผยมู่ซีแทบจะหงายหลัง
“ท่านอาจารย์!”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นี้เป็นอาจารย์?” องค์ชายสิบห้าเลิกพระขนงข้างหนึ่ง มองเด็กหญิงผู้โอหังด้วยความแปลกพระทัย
อาจารย์จ้าวยิ้มให้นางอย่างมีเมตตา เผยมู่ซีจึงได้สติ รีบลุกขึ้นปัดเนื้อตัวให้สะอาดแล้วแสดงคารวะผู้มาใหม่
“ข้าเดาจากการแต่งกายและท่าทางอันภูมิฐานว่าท่านนี้ย่อมเป็นอาจารย์จากสำนักศึกษาที่สำคัญสักแห่งเป็นแน่ ข้าน้อยชิงหลาน เป็นคนอำเภอเฉินเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบแต่ไม่ยอมหันไปสบสายพระเนตรดุขององค์ชาย
“นี่คืออาจารย์จ้าวอี้หลงจากสำนักจิตรกรหลวงจะเป็นผู้ตรวจและประเมินภาพวาดทั้งหมดว่าสมควรจะปรับปรุงแก้ไขส่วนใดหรือไม่? ผลงานของเจ้าเป็นเช่นใดแล้ว?” เมื่อเห็นท่าทางที่ดูคล้ายรังเกียจตนของเด็กหญิงแล้ว หมิงเฉิงอวี่ก็ทรงหงุดหงิด พระองค์ไม่รู้ว่าเหตุใดทุกครั้งที่พบนางก็จะรู้สึกอึดอัด? แต่ก็ยังอยากจะดูท่าทีของนางอยู่ดี
“เจ้าเป็นเด็กอายุไม่เท่าใดแต่กลับวาดภาพได้ถึงขนาดนี้ ร่ำเรียนมาจากผู้ใดกัน?”
เผยมู่ซีอึกอัก นางนึกอยากจะตอบว่า...ก็ท่านนั่นล่ะ! แต่จะเป็นไปได้อย่างไร? ยามนี้นางอยู่ในร่างของชิงหลานที่อยู่ห่างไกลเมืองหลวงและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้าอาจารย์จ้าว นางกราบขออภัยอาจารย์ของตนในใจก่อนจะเอ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)