“มีคนนินทาข้าอยู่หรือเปล่านี่?” เผยมู่ซีรู้สึกว่าขนแถวหลังคอคล้ายมีคนเป่าเบาๆ จนลุกชัน นางชะงักมือที่ถือพู่กันอยู่หนึ่งก่อนจะหันซ้ายหันขวา หลายวันมานี้องค์ชายสิบห้ากลับเมืองหลวง ตัวนางเองก็ทำงานอย่างแข็งขันจนผนังแรกวาดเสร็จเรียบร้อยจึงขยับมาวาดที่ผนังที่สองที่อยู่ติดกัน
หลูเหวินหย่วนชื่นชมในฝีมือของชิงหลานจึงอนุญาตว่าหากนางสามารถวาดเสร็จเร็วก็ทำส่วนที่เขารับผิดชอบไปได้เลย
“หากมีเจ้าอยู่ แม้ส่วนงานของเราจะมากกว่าชั้นบนแต่ก็คงจะเสร็จพร้อมกันกับพวกเขาได้ เช่นนี้ข้าก็เบาใจแล้ว”
“ท่านหลู ชุมนุมจิตรกรไม่ส่งคนมาช่วยพวกท่านเพิ่มหรือเจ้าคะ?”
“ยามนี้งานมีมากนัก พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนรับงานไปก่อนหน้านี้กันหมดแล้ว หากจะหันมาช่วยพวกข้าก็คงลำบาก ทีแรกคิดว่าหากงานของพวกข้างบนเสร็จก่อน ข้าจะขอร้องให้พวกเรามาช่วยแบ่งงานข้างล่างไปด้วย ถึงอย่างไรค่าจ้างในการวาดภาพ อาจารย์จ้าวก็ล้วนพิจารณาตามผลงานทั้งนั้น เจ้าก็รู้ว่าฝีแปรงในการวาดภาพของจิตรกรทุกคนล้วนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะโกหกเช่นใดอาจารย์จ้าวก็ย่อมแยกแยะได้” จิตรกรหลูชี้ให้นางดูฝีแปรงของตนกับของนาง ซึ่งเมื่อมองเปรียบเทียบกันแล้วทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
เผยมู่ซีพยักหน้า “ในเมื่ออาจารย์จ้าวคุ้นชินฝีมือพวกท่านทุกคน เช่นนั้นก็ไม่เกรงว่าจะมีการเอาเปรียบกันแล้ว”
“เจ้าวางใจได้ ทุกผลงานของเจ้าต้องได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าแน่”
เด็กหญิงยิ้มกว้าง นางมิได้วาดภาพเลียนแบบไปขายอีกเพราะแค่เดินทางมาวาดภาพฝาผนังก็ใช้พลังกายกับพลังใจไปมากแล้ว จังฮูหยินตั้งแต่ได้ยินอาจารย์จ้าวรับรองว่าบุตรสาวของตนจะได้ค่าจ้างวาดภาพฝาผนังก็เร่งบำรุงร่างกายนางมากขึ้น แต่ละวันนางกินทั้งไข่และเนื้อในปริมาณที่มาก เมื่อวานนี้นางเริ่มรู้สึกว่าร่างกายไม่หนักและล้าเหมือนแต่ก่อน การนอนยามบ่ายก็ลดเหลือเพียงแค่หนึ่งชั่วยามก็กระปรี้กระเปร่าแล้ว วันนี้นางตั้งใจกลับจวนหลังยามเว่ย* งานของนางก็จะได้คืบหน้ามากกว่าเดิม
“เพิ่งผ่านไปไม่นาน ข้ารู้สึกว่าเจ้าดูอ้วนท้วนขึ้นอีกแล้ว”
“ท่านหลูล้อข้าอีกแล้ว ข้าเพิ่งมีแก้มขึ้นมานิดเดียวเอง” นางยกมือซ้ายขึ้นลูบแก้มที่เริ่มป่องขึ้นของตนเอง อีกไม่นานเอาไว้เนื้อหนังนางหายเหลวเมื่อใดนางจะเริ่มออกกำลังกายและหาหนทางกลับไปฝึกวิทยายุทธ์สักหน่อย ยิ่งอยู่ห่างเมืองหลวงก็ยิ่งต้องระวังความปลอดภัย นางเคยได้ยินว่าตามหัวเมืองมักจะมีพวกโจรถ่อยแอบแฝงอยู่ จวนของนางมีคนอยู่เพียงสี่คน บุรุษก็มีเพียงผู้เดียวคือเหล่าลู่ หากเกิดอันตรายขึ้นมาผู้ใดจะปกป้องจังฮูหยินกัน? ยามนี้นางอุตส่าห์มีท่านแม่เป็นของตนเองจะปล่อยให้ผู้ใดมาข่มเหงรังแกมิได้
“ท่านหลู องค์ชายทรงกลับเมืองหลวงตั้งหลายวันแล้วยังไม่เห็นกลับมา ไม่รู้ว่าพระองค์มีราชกิจมากนักหรือไรกัน?”
จิตรกรหนุ่มที่เดินจากชั้นลองลงมาสมทบ ครั้นได้ยินชายวัยกลางคนทั้งสองสองถามกันจึงเอ่ยขัดขึ้น “ข้าน้อยได้ยินว่าทรงได้รับการเสนอว่าที่พระชายาองค์ใหม่อีกแล้วน่ะสิ คนเก่าก็เพิ่งจะตายไปคนใหม่ก็ถูกเอามาให้เลือกเสียแล้ว ดูท่าบรรดาขุนนางคงอยากจะมาดองญาติกับวังพยัคฆ์ขาวเสียเต็มแก่”
“ตระกูลใดจึงกล้าเสนอตัวเร็วเช่นนี้?”
“สกุลเผยน่ะสิ! เห็นอ้างว่าคำสัญญาเดิมยังมีผลอยู่ ในเมื่อพระสนมจูทรงรับปากจะให้ตบแต่งแล้ว องค์ชายก็ควรจะแต่งกับคุณหนูสกุลเผยเช่นเดิม”
หลูเหวินหย่วนส่ายหน้า “พวกเขาใจร้อนเกินไปจริงๆ บุตรสาวคนโตเพิ่งจะตกเขาตาย นี่ยังคิดจะเสนอบุตรสาวคนรองให้องค์ชายอีกแล้ว”
จิตรกรหนุ่มหย่อนร่างลงนั่งยาวรอบราวระเบียงวิหาร “ท่านหลูอย่าลืมสิว่าใต้เท้าเผยเป็นคนเช่นใด? เรื่องจะได้ประโยชน์กระโจนเข้าใส่ไม่รอรี ข้าคิดว่าครั้งนี้องค์ชายสิบห้าคงรีบกลับไปหาวิธีปฏิเสธให้เด็ดขาด”
“ข้าเคยได้ยินคนพูดกันว่าองค์ชายสิบห้ารังเกียจสตรีสกุลเผยยิ่งนักถึงกับประกาศต่อหน้าพระสหายร่วมโต๊ะในภัตตาคารบึงหงส์” จิตรกรวัยกลางคนเอ่ยขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)