จินวั่งซู่พยายามเพ่งมองหน้าสาวนักดีดพิณฝีมือดีให้ถนัดตา แต่ผ้าที่นางใช้บังใบหน้าส่วนใต้ตาลงมานั้นค่อนข้างทึบจึงยากจะสรุปว่า จริงๆ แล้วนางมีใบหน้างดงามหรือไม่?
“ท่านดูสิคุณชายจิน! เฉาอวิ๋นจือฟังนางเล่นพิณซะเคลิ้มเช่นนั้น มิใช่จะเสียเงินกับนางมิใช่น้อยล่ะหรือ?”
กังเฉินได้ยินก็รีบกราบทูลต่อทันที “หม่อมฉันรู้มาว่าเฉาอวิ๋นจือเคยส่งสินสอดไปที่บ้านของนางด้วยพะยะค่ะ แต่นางไม่ยอมเปิดบ้านต้อนรับ ภายหลังจึงให้คนเอาจดหมายมาแจ้งให้เฉาอวิ๋นจือถึงสำนักมือปราบว่านางไม่ต้องการเป็นอนุภรรยาของผู้ใด อย่าได้มาสู่ขอนางอีกพะยะค่ะ”
“ฮ่าๆ นับว่านางเป็นสตรีที่ชัดเจนและตรงไปตรงมานัก เช่นนั้นนางก็ยังมิได้เป็นสตรีของผู้ใดน่ะสิ!” จินวั่งซู่ยิ้มกว้าง เขาชอบท่าทางที่ดูงามสง่าในยามดีดผีผาของนางนัก ครั้นเปลี่ยนไปเล่นกู่เจิ้งก็ไพเราะเช่นกัน “องค์ชายดูฝีมือนางสิ! หากหลับตาฟังจะรู้สึกราวกำลังอยู่ในท้องพระโรงยามมีงานเลี้ยงเลยเทียว”
หมิงเฉิงอวี่ลองทำอย่างที่จินวั่งซู่บอก “จริงของท่าน! ฝีมือของนางดีพอๆ กับนักดนตรีในวังหลวง ช่างน่าสนใจจริงๆ”
คุณชายจินรีบหันไปหาองครักษ์กัง “บ้านอยู่นางอยู่ที่ใดหรือกังเฉิน?”
“ย่านไฉฟู่ขอรับ!”
“เอ๋? ถ้าเช่นนั้นครอบครัวนางก็นับว่าฐานะค่อนข้างดีน่ะสิ”
“เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดขอรับ เพราะเรือนนั้นเป็นเรือนเดิมของคหบดีที่ขายให้คนต่างถิ่น นางเองก็เพิ่งมาอยู่ในช่วงที่หอมานเยว่เปิดทำการนี่เอง”
“นางอาจเป็นคนต่างเมืองหรือเป็นคนต่างแคว้น...ไม่แน่! นางอาจจะเป็นภรรยาเก็บของคหบดีสักคนก็ได้”
องค์ชายสิบห้ามิได้ใส่ใจสตรีผู้นั้นหากแต่สายพระเนตรคอยจับจ้องดู เฉาอวิ๋นจือ “คนของเราอยู่ฝั่งนั้นมีกี่คน?”
“หม่อมฉันให้สะกดรอยตามใกล้ชิดสองคนพะยะค่ะ”
“ดี! ต้องรู้ให้ได้ว่าเฉาอวิ๋นจือสนิทกับผู้ใดบ้าง?”
หมิงเฉิงอวี่ยังคงจิบสุราทีละนิดและลอบมองเป้าหมายอยู่เรื่อยๆ ครั้นซางหลีเล่นดนตรีจบ นางก็ลงจากเวทีไปพวกเขาจึงเห็นว่าหัวหน้ามือปราบที่สามผู้นั้นลุกตามไปด้วยในทันที
“พวกเขากำลังจะออกไปแล้วพะยะค่ะ”
“แยกย้ายกันตาม พวกเจ้าให้คนแยกย้ายตามคนของเฉาอวิ่นจือที่ร่วมโต๊ะในคืนนี้ทุกคนให้ครบ” องค์ชายสิบห้ากับจินวั่งซู่อาสาติดตามเฉาอวิ๋นจือเอง ส่วนกังเฉินกับจงเหยียนให้แยกกันไปตามอีกสองคนที่เหลือ
ซางหลีเดินออกมาด้านหน้าหอโคมเขียว บุรุษผู้หนึ่งแต่งกายคล้ายบ่าวยืนถือร่มรอนางอยู่ข้างนอกหอมานเยว่ พร้อมด้วยรถม้าคันเล็ก โดยมีเฉาอวิ๋นจือยืนอยู่ใกล้ๆ
“ให้ข้าไปส่งเจ้าสักครั้งเถอะ”
“ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าข้าอนุญาตให้ท่านเจอกับข้าที่หอนางโลมได้เท่านั้น คนที่บ้านของข้าไม่ชอบให้ผู้ใดเข้าไปเยือน ยิ่งยามวิกาลก็ยิ่งไม่อนุญาต”
จินวั่งซู่มองการพูดคุยของคนทั้งสองด้วยความแปลกใจ เขาได้ยินมาว่า เฉาอวิ๋นจือมีลักษณะนักเลงโตอยู่ไม่น้อย เหตุใดจึงไม่กล้าออกอาการข่มสตรีอ้อนแอ้นที่เล่นดนตรี?
ซางหลีขึ้นรถม้าจากไป ส่วนเฉาอวิ๋นจือก็หันไปพยักหน้าให้กับมือปราบชั้นผู้น้อยอีกสองคนที่คอยติดตามเขา คืนนี้กลุ่มของมือปราบเฉานัดมาดื่มสุราด้วยกันห้าคน ผู้ช่วยสองคนแรกแค่ฟังดนตรีดื่มสุราเสร็จก็ขอตัวแยกย้ายกลับเรือน ส่วนคน ทั้งสามยังมีภารกิจไปเก็บเงินจากแหล่งรายได้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
หมิงเฉิงอวี่กับจินวั่งซู่ลอบตามคนทั้งสามไปถึงอาคารสองชั้นหลังใหญ่ที่อยู่ลึกเข้าไปในตรอกไม่ไกลจากหอมานเยว่นัก ที่นี่ยังไม่มีป้ายชื่อ สังเกตจากสตรีที่แต่งกายสวยงามสามสี่คนที่ยืนรออยู่ข้างหน้าอาคารก็พอจะเดาได้ว่าที่นี่มีหญิงงามให้บริการอยู่ เมื่อเฉาอวิ๋นจือปรากฏกาย หญิงที่ค่อนข้างอายุมากกว่าเหล่าสตรีทั้งสี่ก็เดินแหวกออกมาต้อนรับ พร้อมยื่นถุงเงินให้อย่างรู้งาน
“เจ้าค่ะนายท่าน”
หมิงเฉิงอวี่กับจินวั่งซู่ได้ยินเช่นนั้นก็ตาลุกวาว ในเมืองหลวงยังมีคนกล้าจับสตรีมาบังคับให้เป็นหญิงคณิกาอีก ทั้งๆ ที่ฮ่องเต้ทรงตรากฎหมายเรื่องนี้ออกมาอย่างชัดเจนแล้วให้ทำได้เฉพาะผู้ที่สมัครใจเท่านั้น เดิมนั้นมีสตรีมากมายที่จำใจต้องเป็นหญิงคณิกาหลังจากที่ถูกจับมาขืนใจและบังคับให้รับแขก พวกนางก็จำต้องอยู่ทำงานในหอคณิกาต่อ หลายคนที่ทนไม่ไหวก็ฆ่าตัวตาย เมื่อมีคนร้องทุกข์และถวายฎีกาต่อฮ่องเต้ทำให้ทรงบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับหญิงคณิกาขึ้นโดยเฉพาะ กฎหมายในแคว้นหมิงลงโทษผู้ที่จับสตรีมาบังคับขืนใจหรือบังคับให้เป็นหญิงคณิกาถึงขั้นประหารชีวิตนับว่าเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับสตรีชาวบ้านทั่วไปได้มาก
องค์ชายสิบห้าทอดพระเนตรไปทางชายโฉดหญิงชั่วที่กำลังสนทนาที่โต๊ะใกล้ๆ ฮ่องเต้ทรงบัญญัติโทษรุนแรงเช่นนี้พวกเขาก็ยังไม่หวาดกลัว การที่เกาสงบ่งชี้ว่าเฉาอวิ๋นจือตามฆ่าตนถือเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือ
จินวั่งซู่เห็นว่าเฉาอวิ๋นจือกลับออกไปจากหอคณิกาเถื่อนโดยไม่รอมือปราบทั้งสองจึงชวนให้องค์ชายกลับวังพยัคฆ์ขาวเช่นกัน ทั้งสองกลับมาถกประเด็นที่ได้ยินกันอย่างเข้มข้น
“มือปราบเฉาผู้นี้ที่แท้เป็นพวกค้าหญิงคณิกา มันคือมือปราบในคราบโจรชัดๆ” จินวั่งซู่รู้สึกเกลียดชังพวกที่รังแกสตรี แม้เขาจะชื่นชมหญิงคณิกาผู้งดงามแต่ก็เห็นว่าใต้หล้ามีสตรีมากมายเต็มใจทำหน้าที่เหล่านี้ บุรุษที่ไปจับกุมสตรีมาบังคับขืนใจช่างเลวทรามยิ่ง!
“เฉาอวิ๋นจือน่าจะให้คนของมันลอบจับสตรีละแวกเมืองฉู่จิ้ง เช่นนั้นก็คงจะเดินทางไปกลับเมืองหลวงอยู่หลายคราว การที่จะตามฆ่าเกาสงที่มีพื้นเพอยู่ถิ่นเดียวกันก็ไม่น่าจะยาก”
“องค์ชายกล่าวได้มีเหตุผลพะยะค่ะ หากว่าคนผู้นี้เดินทางไปมาเพื่องานผิดกฎหมายของตนและยังรับหน้าที่ตามฆ่าเกาสงก็มีน้ำหนักเชื่อถือได้”
“ไม่แน่ว่านอกจากคดีเกาสงแล้วพวกเขาอาจจะเกี่ยวพันกับคดีอื่นๆ ด้วย แต่คนที่สมรู้ความคิดกับเฉาอวิ๋นจือก็น่าจะมีอีก หอคณิกาลับที่มีสตรีนับร้อยท่านคิดว่าด้วยฐานะของหัวหน้ามือปราบหน่วยเล็กๆ จะกล้าทำผู้เดียวหรือพะยะค่ะ?”
“ย่อมเป็นไปได้ยาก! เรื่องนี้ข้าก็คิดอยู่เช่นกัน”
***************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)