เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 17

สรุปบท ตอนที่ 17.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

อ่านสรุป ตอนที่ 17.2 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 17.2 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 17.2
ตอนที่ 17.2

วันนี้ก็ยังคงเป็นวันที่ยุ่งวุ่นวายมากเหมือนเดิม

แคลอฮันอยากจะเห็นหน้าของลูกสาวให้เร็วขึ้นเสียหน่อย เขาก้าวข้ามขั้นบันไดทีละสองขั้น สามขั้น กลับมาถึงที่บ้าน

“เทีย พ่อมาแล้ว! หืม? ท่านพี่ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ”

การที่ชานาเนสมานั่งอยู่ในห้องรับรองของตนมันเป็นทัศนียภาพที่แปลกตามาก แคลอฮันถึงกับเดินถอยหลังออกไปข้างนอกห้องครู่หนึ่ง แล้วเดินกลับเข้ามาใหม่ เพื่อตรวจสอบอีกรอบให้แน่ใจว่านี่เขากลับมาที่บ้านตัวเองแน่หรือเปล่า

“แคลอฮัน”

“ครับ ท่านพี่”

“มานั่งตรงนี้สักครู่หน่อยมั้ย”

อึก!

แคลอฮันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จนลูกกระเดือกปูดโปน

บรรยากาศมันมีอะไรแปลกๆ

แคลอฮันมองเข้าไปในห้องของเทียที่ประตูเปิดกว้างทิ้งไว้ หลังจากที่เช็กแล้วว่าลูกสาวนอนหลับไปแล้ว เขาก็นั่งลงบนโซฟาตามที่ชานาเนสสั่งอย่างว่าง่าย

“วันนี้เทียหลับเร็วจังเลยนะครับ ฮ่าฮ่า”

เขาแสร้งหยอกล้อเพื่อคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนแต่มันกลับใช้ไม่ได้ผลกับชานาเนส นางมองแคลอฮันที่กำลังเช็ดฝ่ามือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อลงกับหน้าตัก ก่อนจะเอ่ยพูดกับเขาด้วยสีหน้านิ่งขรึมไร้ความรู้สึก

“ฟีเรนเทียวันนี้คงจะเหนื่อยหน่อย เมื่อตอนกลางวันเกิดเรื่องก็เลยตกใจมากน่ะ”

“ระ…เรื่องหรือครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเทียหรือครับ”

แคลอฮันสะดุ้งตกใจรีบเอ่ยถามเสียงดัง ชานาเนสจึงยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก

“คิดจะปลุกลูกสาวหรือยังไง”

แคลอฮันปิดปากเงียบทันที

“วันนี้เมื่อตอนกลางวัน…”

ชานาเนสอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้แคลอฮันฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

แตกต่างจากที่นางคิดว่าเขาจะต้องโมโหจนวิ่งเต้น แคลอฮันกลับทำเพียงแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เท่านั้น

“แคลอฮัน ฟีเรนเทียอาจจะเป็นเด็กฉลาดก็จริง แต่ก็ยังเป็นแค่เด็ก เป็นวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่นะ”

ชานาเนสตำหนิเสียงเข้ม

“ปล่อยเด็กทิ้งเอาไว้คนเดียวแบบนี้ทุกวัน ในฐานะพ่อได้ตระหนักบ้างหรือเปล่า”

“…ข้าคิดน้อยเองครับ”

แคลอฮันไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คงไม่ได้คิดจะเลิกทำงานที่ทำอยู่ตอนนี้แล้วมาเกาะติดอยู่ข้างกายฟีเรนเทียหรอกใช่มั้ย”

“ระ…เรื่องนั้น ทราบได้ยังไง”

“เจ้าคนอ่อนปวกเปียก”

คล้ายกับจะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ ชานาเนสส่ายหน้าด้วยความระอาใจ

“คิดว่าท่านพ่อจะสุขภาพแข็งแรงแบบนี้ไปตลอดหรือไร แคลอฮัน?”

คำถามของนางทำให้ไหล่ของแคลอฮันผวาเฮือก

เมื่อเกิดมาในตระกูลมากอำนาจอย่างลอมบาร์เดีย มันเป็นปัญหาที่เขาครุ่นคิดมาตลอดนับตั้งแต่วัยที่เริ่มคิดอะไรได้เอง

“ทิ้งความคิดโง่ๆ ว่าถ้าหากแค่โค้งกายให้ต่ำอยู่นิ่งๆ แล้วจะหลบเลี่ยงพายุได้ไปเสียเถอะ”

ความกระหายในอำนาจของเบเจอร์เป็นสิ่งที่พี่น้องทุกคนต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีและถ้าหากตำแหน่งเจ้าตระกูลว่างลง ความกระหายนั่นจะต้องก่อให้เกิดปัญหาพายุลูกใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน

“ตอนนี้เจ้าไม่มีอำนาจพอที่จะปกป้องฟีเรนเทียด้วยซ้ำแล้วถ้าหากจู่ๆ ท่านพ่อเป็นอะไรไปขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าสองพ่อลูกล่ะ”

ชานาเนสกำลังให้คำแนะนำกับน้องชายคนเล็กด้วยความจริงใจเป็นครั้งแรก

“โล่งอกที่เจ้าน่ะหัวดี ทั้งยังมีภาพลักษณ์ภายนอกที่ซื้อใจมิตรสหายได้ง่าย เรื่องติดต่อกับคนอื่นก็คงไม่ยากอะไร ดังนั้นจงใช้เรื่องนั้นให้เป็นประโยชน์ สร้างอำนาจของตัวเองขึ้นมาเสีย แคลอฮัน”

ชานาเนสลุกขึ้นจากที่นั่งหลังจากพูดจบ

แคลอฮันที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดรีบร้อนลุกขึ้นตาม ก่อนจะโค้งศีรษะลาผู้เป็นพี่สาว

ชานาเนสเดินด้วยท่วงท่าสง่าไม่ก่อให้เกิดแม้กระทั่งเสียงฝีเท้ายามก้าวเดินไปจนถึงประตู แต่แล้วจู่ๆ นางก็หันหลังกลับไปเอ่ยพูด

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ถ้าหากเจ้าไม่อยู่บ้าน ก็ส่งฟีเรนเทียมาหาข้า ข้าไม่ได้มีงานเยอะเหมือนเจ้าอยู่แล้ว”

“…พ่ะย่ะค่ะ?”

จักรพรรดินีลูบใบหน้าของอาสทาน่าด้วยความอ่อนโยน ราวกับไม่เคยบีบกรามจนเขาเจ็บไปหมด

“ตอบมาสิ เจ้าชาย”

“…พ่ะย่ะค่ะ อับอายพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องใด”

“ข้า ข้าคือคนที่จะเป็นรัชทายาท เป็นผู้นำอาณาจักรแห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ แต่ แต่พวกนั้น…”

“แต่พวกนั้นทำตัวราวกับเป็นเจ้าของอาณาจักรนี้ใช่มั้ย”

จักรพรรดินีหัวเราะราวกับแค่ล้อเล่น

“ลอมบาร์เดียน่ะเป็นคนแบบนั้น เป็นพวกคนที่เชื่อมั่นในอำนาจของเงินทองเล็กๆ น้อยๆ จนสูญเสียความเคารพนับถือในตัวราชวงศ์”

นัยน์ตาของจักรพรรดินีส่องประกายเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน

“เพราะฉะนั้นจงอย่าได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เสียล่ะ เจ้าชาย”

ว่าแล้วเชียว เสด็จแม่เข้าใจความรู้สึกของเขา!

“และเด็กที่ชื่อฟีเรนเทียนั่น สักวันจะต้องเสียใจที่เคยทำตัวไร้มารยาทกับเจ้าชายของเรา แม่คนนี้จะทำให้เป็นเช่นนั้นเอง”

อาสทาน่าพยักหน้าแข็งขัน

“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด ข้าก็จะทำให้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นเจ้าชายเพียงแค่เชื่อฟังคำพูดของข้าก็พอ”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

จักรพรรดินีกอดอาสทาน่าเอาไว้ในอ้อมกอดของพระนาง

มองจากภายนอกแล้ว ช่างเป็นภาพของบุตรชายกับมารดาที่งดงามมากเสียจริง

Related

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]