เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

ความสำเร็จของเฟเรสตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีเพียงแค่โยบาเนสกับอาจารย์สอนฟันดาบเท่านั้นที่ทราบ

ไม่สิ อาจารย์สอนฟันดาบเป็นคนที่มาจากการแนะนำของลอมบาร์เดียตั้งแต่แรก ดังนั้นรูลลักเองก็คงจะได้รับรายงานเรื่องนี้เช่นกัน

แต่นอกจากพวกเขาแล้ว เฟเรสก็ยังคงเป็นเจ้าชายที่ถูกลืมเหมือนเคย

แตกต่างกับอาสทาน่าที่ได้รับความสนใจจากพวกชนชั้นสูงในทุกย่างก้าว ราวกับถ่ายทอดสดทุกการเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง

พวกนั้นรู้เพียงแค่ว่าเฟเรสมีตัวตนอยู่เท่านั้น

“เฟเรส”

เฟเรสวางส้อมกับมีดลงเมื่อได้ยินเสียงเรียกของโยบาเนส

“งานเลี้ยงประจำอาณาจักรครั้งนี้ เจ้าจงเข้าร่วมด้วย”

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสมององค์จักรพรรดิด้วยความสงสัย

โยบาเนสมองนัยน์ตาคู่นั้นในขณะเดียวกันก็คิดว่ามารดาของเฟเรสที่ตนจำหน้าไม่ได้เสียแล้วนางนั้น มีนัยน์ตาสีแดงแบบนั้นด้วยหรือเปล่า

“…ไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดีเสียเท่าไหร่กระมังพ่ะย่ะค่ะ”

สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กลับเป็นคำพูดสุภาพ แต่มันเป็นคำปฏิเสธที่ราบเรียบเหลือเกิน

โยบาเนสตื่นตกใจ ตนไม่เคยคิดเลยว่าเฟเรสจะกล้าขนาด ‘ปฏิเสธ’ รับสั่งของพระองค์

ในเมื่อที่ผ่านมาต้องใช้ชีวิตหลบซ่อนอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครพบเห็น เขานึกว่าเด็กคนนี้จะดีใจเสียอีกที่ได้มีโอกาสในการเผยโฉมออกสู่สังคมเสียที

แต่ใบหน้าของเฟเรสกลับไม่มีความต้องการที่ว่านั่นเลยแม้แต่น้อย

ทั้งยังมีสีหน้ารำคาญใจอีกด้วย

“มันเป็นงานที่เจ้าจะได้รับการยอมรับในฐานะเจ้าชายลำดับที่สอง”

โยบาเนสกล่าวเตือนเป็นครั้งสุดท้าย

“จำเป็นต้องยอมรับด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“…ว่าไงนะ”

ถึงแม้จะถามกลับไป แต่เฟเรสก็ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาปิดปากแน่นอย่างดื้อรั้น

จักรพรรดิเหลือบมองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดพึมพำกับตัวเอง

“เจ้านี่มัน ช่างเหมือนกับข้าเสียจริง”

ชั่วขณะความไม่พอใจที่ไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้พาดผ่านอยู่ข้างในนัยน์ตาของเฟเรส แต่โยบาเนสที่มัวแต่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองไม่ทันได้สังเกตเห็น พระองค์ยังคงกล่าวต่อไปเรื่อยๆ

“ใช่แล้ว ต่อให้ขุนนางพวกนั้นไม่ให้การยอมรับ อย่างไรเจ้าก็เป็นสายเลือดของข้า เป็นเจ้าชายลำดับที่สองของอาณาจักรแลมบลูแห่งนี้”

‘การยอมรับ’ ที่เฟเรสพูดถึง มันไม่ใช่การยอมรับแค่เฉพาะจากขุนนางพวกนั้นเหมือนอย่างที่โยบาเนสเข้าใจ

มันมีอีกความหมายว่า เขาจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากองค์จักรพรรดิด้วยหรือไง

ว่ากันตามตรง องค์จักรพรรดิเองก็ไม่ได้สนใจว่าเฟเรสจะเป็นหรือจะตายมาสามปีแล้วไม่ใช่หรือ

เมื่อก่อนก็เพียงแค่โยนเฟเรสให้จักรพรรดินี คาดหวังอยากให้เขาตาย บางทีจักรพรรดิเองก็คงหวังอยากให้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในค่ำคืนเดียวหายไปเช่นนั้นก็เป็นได้

แต่ดูเหมือนโยบาเนสจะเข้าใจคำพูดนั้นไปคนละความหมาย

“เรื่องนั้น…”

เฟเรสตั้งใจจะแก้ไขความเข้าใจผิด แต่องค์จักรพรรดิกลับพูดขัดเอาไว้

“แต่จำเป็นต้องให้ขุนนางพวกนั้นได้รับรู้เหมือนกัน ว่าเจ้าชายที่ได้รับการยอมรับจากข้าผู้เป็นจักรพรรดิ ไม่ได้มีแค่อาสทาน่าคนเดียว”

อาสทาน่า

ชื่อของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งทำให้แววตาของเฟเรสเปลี่ยนไปในทันที

โยบาเนสสังเกตเห็นแววตาคู่นั้นจึงยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]