เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

เธอแสร้งเดินออกมาห่างๆ ในขณะที่ลอบสังเกตท่านหญิงเซอเชาว์กับท่านพ่อไปด้วย

ไม่จำเป็นต้องแอบมองผ่านผ้าม่านในงานเลี้ยงให้คนอื่นสงสัย ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นยกแก้วไวน์ขึ้นมาตรวจสอบดูว่ามันถูกขัดจนใสแค่ไหน

การพบปะในวันนี้สำคัญมาก

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เหล่าผู้ปกครองแต่ละเขตแดนต่างก็ใช้ข้ออ้างเรื่องพิธีมอบเหรียญกิตติคุณของท่านพ่อมารวมตัวกันที่นี่เพราะต้องการให้ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันไปเปิดสาขาที่เมืองของพวกเขา

หลังจากคำนวณหลายๆ เรื่องมาแล้วล่วงหน้า เพื่อเลือกสรรผู้เข้าชิงจำนวนน้อยนิด ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือเซอเชาว์

เหตุผลมีอยู่สองเรื่องง่ายๆ

หนึ่งคือเป็นเขตแดนที่มีกิจการผ้าทอและห้องเสื้ออยู่แล้ว เธอจึงคิดว่ามันเหมาะสมที่จะหาวัสดุในการทำธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้เป็นอย่างดี อีกเรื่องก็คือ เงื่อนไขด้านภูมิอากาศทางตอนใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของเซอเชาว์

สภาพภูมิอากาศทางตอนกลางของอาณาจักร ความแตกต่างทางอุณหภูมิตลอดทั้งปีนั้นไม่ได้มีมากนัก ทั้งอากาศก็อบอุ่น

เสื้อผ้าสำเร็จรูปของร้านขายเสื้อผ้าเองก็ตัดเย็บขึ้นมาให้เหมาะสมกับเรื่องนั้น

ไม่ว่าจะทางตะวันตกที่ร้อนเกินไป หรือทางฝั่งเหนือที่หนาวเกินไป เสื้อผ้าของแต่ละเขตแดนจะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากจะเปิดสาขาที่นั่น พวกเธอจำเป็นที่จะต้องตัดเย็บเสื้อผ้าแบบใหม่ออกมาวางขาย

แต่หากเป็นทางใต้หรือตะวันออกที่มีสภาพภูมิอากาศใกล้เคียงกัน ก็แค่ขนเสื้อผ้าเหล่านั้นไปขายก็พอแล้ว

ทว่าเส้นทางมุ่งหน้าไปยังตะวันออกนั้นต้องข้ามผ่านภูเขาหลายลูก จึงมีข้อเสียด้านความลำบากและความอันตรายอยู่มาก

ดังนั้นก็เหลือแค่ทางใต้ และใจกลางของดินแดนทางใต้ก็คือเซอเชาว์

อีกอย่างก็เป็นญาติสนิทที่รักใคร่ในตัวท่านพ่อมาก ดังนั้นเธอเลยคำนวณว่าบางทีอาจจะช่วยลดหย่อนภาษีที่ต้องชำระลงได้สักหน่อย

โล่งอกที่มองจากไกลๆ แล้วดูเหมือนบรรยากาศจะดีเหมือนเคย

แต่แล้วในจังหวะที่เธอกำลังโล่งใจยามมองใบหน้ายิ้มแย้มของท่านพ่อ

ก็พลันมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากหลังระเบียง ก่อนจะดึงตัวเธอเข้าไป

“อ๊ะ?”

มันเป็นฝ่ามือที่ลดทอนแรงลงด้วยความใส่ใจเพื่อให้เธอไม่รู้สึกเจ็บ แต่ก็ยังทำให้รู้สึกตกใจอยู่ดี

แค่พริบตาเธอก็มายืนอยู่ตรงระเบียงมืดสลัวแทนโถงงานเลี้ยงสว่างหรูหราเสียแล้ว

“สวัสดี”

ได้ยินเสียงนุ่มที่ยังไม่แตกหนุ่มดังขึ้นจากข้างหลัง

ผมสีดำสนิทไม่ต่างจากสีท้องฟ้ายามค่ำคืน นัยน์ตาสีแดงส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด

“สวัสดี เฟเรส”

พอเธอเอ่ยเรียกชื่อของเขาออกไป เด็กหนุ่มที่มองเธออยู่ก็ยิ้มออกมานัยน์ตาโค้งหยี มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เฟเรสยิ้มได้อย่างสดใสมากทีเดียว

“เทีย”

“จู่ๆ ก็ดึงเข้ามาแบบนี้ ตกใจหมดเลยไม่ใช่หรือไง”

“ขอโทษ”

นิสัยขอโทษไวนี่ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมเลย

แต่เด็กนี่ก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน

ร่างกายตัวเล็กผอมแห้งไม่สมวัยของตัวเองนั่นหายไปไหนแล้ว ตอนนี้เขาตัวสูงมากหากยืนข้างผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง หัวของเขาคงจะสูงเทียบประมาณไหล่อีกฝ่ายได้เลย

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”

เด็กหนุ่มก้มหน้ามองเธอพลางถาม

และพระจันทร์ก็ลอยพ้นผ่านหมู่เมฆได้จังหวะพอดี

ผิวขาวเนียนของเฟเรสส่องสะท้อนแสงจันทร์กระจ่างที่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า

ว้าว เด็กนี่ผิวดีสุดๆ ไปเลย

ใบหน้าเนียนกระจ่างใสไร้จุดด่างดำ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ดีกินดีในสภาพแวดล้อมที่ดี

น่าภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย

เธอหลุดหัวเราะออกมาโดยอัตโนมัติ

“อย่างที่บอกในจดหมายนั่นแหละ ข้าสบายดี แล้วเจ้าล่ะเป็นยังไงบ้าง ชีวิตในวังลำบากหรือเปล่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]