ฟีเรนเทียรับเครื่องดื่มที่ผู้ดูแลเดินถือมาเพื่อดื่มมันลงไปดับกระหาย แต่แล้วก็มีใครบางคนเอ่ยพูดกับเธอ
“คือว่า…”
พอหันกลับไปมองก็พบเด็กผู้หญิงผมสีแดงดูแล้วอายุน่าจะพอๆ กันกับลาลาเน่
ข้างกายเด็กคนนั้นมีเด็กคนหนึ่งที่ดูน่าจะเป็นน้องสาวซึ่งอยู่ในวัยเดียวกันกับเธอยืนอยู่ด้วย
ใครกัน เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย
พอเห็นเธอหันไปมองด้วยความงุนงง ทั้งสองคนก็จับชายกระโปรงทักทายอย่างมีมารยาท
“สะ…สวัสดีค่ะ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ข้าแพทริเซียจากตระกูลกัสค่ะ ส่วนเด็กคนนี้น้องสาวของข้า…”
“เฮลลีย์ กัสค่ะ คุณหนู”
ความประทับใจแรกดูเป็นคนสุภาพหัวอ่อน แต่เสื้อผ้าที่ทั้งสองคนสวมใส่นั้นประดับตกแต่งอย่างหรูหรา แสดงว่าน่าจะเป็นบุตรสาวจากตระกูลชั้นสูง
ฟีเรนเทียจับชายกระโปรงทักทายกลับไปเช่นกัน
“ยินดีที่ได้พบกันครั้งแรกค่ะ ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียค่ะ”
เธอเพียงแค่แนะนำตัวอย่างปกติทั่วไป แต่ทั้งสองคนกลับหวาดกลัวขึ้นมาเสียได้
“หะ…ให้เกียรติกันเกินไปแล้วค่ะ! ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไม่สิ ทำแบบนั้นไม่ได้…”
ท่าทางที่เธอคาดเดาไว้ว่าเป็นคนทึ่มทื่อหัวอ่อนจะถูกต้องแล้ว เพียงครู่เดียวใบหน้าของแพทริเซียก็ขึ้นสีแดงก่ำ
“พูดตามสบายเถอะค่ะ คุณหนูลอมบาร์เดีย!”
ก็นะ
แม้แต่ในความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณหนูคุณชายตัวน้อยก็ยังมีการแบ่งชนชั้นตามลำดับอำนาจของตระกูลเช่นกัน ดังนั้นตระกูลลอมบาร์เดียจึงเป็นตระกูลที่อยู่ในลำดับสูงสุดของพีระมิดชนชั้น
เพราะเหตุนี้เมื่อเธอซึ่งเป็นบุตรหลานสายตรงของลอมบาร์เดียพูดจาสุภาพให้เกียรติ แพทริเซียถึงได้ทำตัวไม่ถูก
แต่เธอเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดตอบกลับไป
“ไม่หรอกค่ะ พูดแบบนี้สบายกว่าน่ะค่ะ”
“แหม…”
หากคนที่ ‘สูงส่ง’ กว่าตัวเองปฏิบัติตัวอย่างใจดีและเป็นมิตร ทุกคนย่อมประทับใจและรู้สึกขอบคุณเป็นเรื่องธรรมดา
แพทริเซียไม่ได้แสร้งเล่นละคร แต่นางรู้สึกซาบซึ้งใจในตัวเธอจริงๆ
“ทะ…ที่จริงแล้ว…ชุดที่คุณหนูสวมมันสวยมากเลยน่ะค่ะ ขอถามได้มั้ยคะว่าตัดมาจากห้องเสื้อร้านใด”
เฮลลีย์ผู้เป็นน้องสาวกำหมัดแน่นรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกมา
“หากเสียมารยาทต้องขออภัยด้วยนะคะ…”
ถึงจะรีบกล่าวขอโทษขอโพยต่อจากนั้นทันทีก็เถอะ
หากเป็นตระกูลกัส เธอเองก็เคยได้ยินคนพูดถึงอยู่หลายครั้ง และรู้จักชื่อเสียงเป็นอย่างดี
ตระกูลกัสเป็นหนึ่งในตระกูลใต้บังคับบัญชาของตระกูลรูมันผู้ปกครองแถบตะวันออก จำนวนประชากรไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่มีแม่น้ำขนาดใหญ่พาดผ่าน จึงได้รับค่าผ่านทางจากเหล่าพ่อค้าที่ขนส่งสินค้าผ่านแม่น้ำสายนั้น ทำให้กลายเป็นตระกูลที่ได้รับผลกำไรค่อนข้างมาก
ฟีเรนเทียทำเป็นสังเกตผู้คนรอบด้าน แสร้งทำเป็นครุ่นคิดว่าจะบอกดีหรือเปล่า
ว่าแล้วเชียว คนที่รอคำตอบของเธอไม่ได้มีแค่สองพี่น้องนี่เท่านั้น
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บรรดาคุณหนูวัยใกล้เคียงกับเธอและมารดาของพวกนางต่างก็พากันมารวมตัวกันอยู่ใกล้ๆ เธอ
“ท่านอื่นๆ เองก็อยากทราบด้วยเหรอคะ”
เธอถามออกไปตรงๆ
คล้ายกับอับอายที่แอบฟังบทสนทนาของผู้อื่น พวกนางต่างก็รู้สึกเขิน แต่ในเมื่อถูกจับได้แล้ว ก็เลยถือโอกาสเดินเข้ามาฟังให้ใกล้ขึ้นกันเสียเลย
“ถ้าอยากทราบกัน เช่นนั้นข้าจะบอกให้ทราบก็แล้วกันนะคะ”
คำพูดของเธอทำให้ใบหน้าของทุกคนพลันสดใสขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
อันที่จริงในแวดวงสังคมชั้นสูง มีกรณีที่ไม่ยอมบอกชื่อดีไซเนอร์หรือห้องเสื้อที่ตนว่าจ้างกันอยู่บ่อยครั้งทีเดียว เพื่อที่จะผูกขาดดีไซน์เสื้อผ้าให้เป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...