เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

“ได้ยินว่าคราวนี้ก็ตระกูลชูลส์ซื้อที่ดินข้างๆ อีกแล้วใช่มั้ยคะ”

“ไม่รู้ว่ากว้านซื้อไปกี่ผืนแล้วนะคะเนี่ย”

“ตระกูลชูลส์เองก็ได้ใบบุญของตระกูลลอมบาร์เดีย ถึงได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นแบบนั้นใช่มั้ยล่ะคะ”

คำพูดนั้นตั้งใจจะหยอกเย้าให้ฟีเรนเทียอารมณ์ดี

ถึงแม้เธอจะยังไม่ได้เปิดตัวในสังคมอย่างเป็นทางการ แต่พวกหญิงสาวชนชั้นสูงต่างก็ไม่ยอมออกห่างข้างกายเธอกันเลย

“วันนี้เจ้าชายลำดับที่สองเองก็ได้รับการยอมรับจากฝ่าบาทแล้ว องค์จักรพรรดินีคงจะอารมณ์เสียไปพักใหญ่เลยนะคะ”

“จะแค่อารมณ์เสียเฉยๆ เหรอคะ คงจะไม่มีงานเลี้ยงในวังไปพักใหญ่เลยละค่ะ น่าเสียดายจัง”

“เจ้าชายลำดับที่หนึ่งจะทำยังไงนะคะ คงต้องห้ามไม่ให้ลูกชายโผล่หน้าไปลานล่าสัตว์สักระยะแล้วละค่ะเนี่ย”

“ใช่ค่ะ เกิดไปทำให้เจ้าชายลำดับที่หนึ่งอารมณ์เสียขึ้นมา…”

นี่คือสังคมชั้นสูงที่เธอเคยแต่ได้ยินคนเขาพูดถึงกันอย่างนั้นเหรอ

แม้แต่เรื่องราวของจักรพรรดินีที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ยังพูดกันได้อย่างไม่ลังเล

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติเสียด้วย ผู้คนรอบด้านถึงได้เริ่มพูดความเห็นของตัวเองกันทีละประโยคสองประโยค ส่วนผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบตัวเธอต่างก็สนทนากันไม่หยุด

ตอนแรกก็คิดว่าดีอยู่หรอกที่ได้ฟังข่าวซุบซิบในแวดวงชั้นสูง แต่ฟังเยอะๆ เข้าตอนนี้เริ่มรู้สึกปวดหูแล้วน่ะสิ

เรื่องที่จักรพรรดินีกับอาสทาน่าเป็นพวกนิสัยเลวทราม เป็นเรื่องที่เธอเองก็รู้ดีอยู่แล้วด้วย

“คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”

เสียงใหม่เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นตัดบทสนทนา

เขาคือผู้ดูแลประจำพระราชวัง

“เชิญคุณหนูที่ชั้นบนครับ”

ไม่ว่าจะงานเลี้ยงงานไหนก็มักจะมีกลุ่ม ‘วงใน’ ที่มักจะแยกตัวไปรวมกลุ่มกันในที่แห่งหนึ่ง เพื่อพูดคุยสนทนากันเฉพาะกลุ่มทั้งนั้น

ปกติแล้วเจ้าภาพงานเลี้ยงจะเรียกตัวคนกลุ่มหนึ่งไปยังสถานที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวกว่าโถงงานเลี้ยง ชอบสนทนากันอย่างเงียบๆ สำหรับงานวันนี้ดูเหมือนจะเป็นชั้นบนสินะ

ฟีเรนเทียลุกขึ้นจากที่นั่งในขณะที่รับสายตาอิจฉาจากเหล่าคุณหนูรอบตัว

“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในวันนี้นะคะ ครั้งหน้าหากข้าเปิดตัวในสังคมอย่างเป็นทางการ ก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ”

“แหม ได้แน่นอนค่ะ มันแน่นอนอยู่แล้ว…”

“ก่อนจะถึงตอนนั้นก็มาร่วมงานเลี้ยงบ้างเป็นครั้งคราวสิคะ!”

“เป็นเกียรติของพวกเราต่างหากค่ะที่ได้ชมชุดเดรสงดงามของคุณหนู”

เธอหันหลังให้กับผู้คนที่แย่งกันพูดพร้อมกับรอยยิ้มแสนหวาน ก่อนจะปลีกตัวเดินตามผู้ดูแลประจำพระราชวังออกไป

ผู้ดูแลพาเธอขึ้นมายังห้องชั้นสองตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างนอบน้อม

“กรุณารอสักครู่นะครับ”

ฟีเรนเทียถูกทิ้งเอาไว้อยู่บนทางเดินกับอัศวินสองนายที่ยืนเฝ้าประตูอยู่

และในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้

เธอหันหลังกลับไปมองเพื่อดูว่าอีกฝ่ายคือใคร

อา หมอนี่โผล่มาที่นี่ทำไมเนี่ย

“เฮ้”

เจ้าของเสียงไร้มารยาทคืออาสทาน่านั่นเอง

เด็กนี่ตอนนี้อายุสิบสี่ปีแล้ว เขาโตขึ้นมากจนดูใกล้เคียงกับภาพลักษณ์อันธพาลในความทรงจำของเธอ

เด็กหนุ่มห้อยดาบสำหรับใช้ป้องกันตัวไว้ที่เอว จงใจแสดงออกให้คนอื่นรู้อย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวเรียนฟันดาบ แต่สภาพเขากลับเหมือนพวกดีแต่ท่า ชอบทำตัวกร่างไปทั่วซอยมากกว่า

เธอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยืนรอให้ประตูเปิดออก

“เฮ้ ยายเลือดผสม”

คงจะกลัวคนไม่รู้ว่าเป็นแฝดวิญญาณกับเบเลซักสินะ

คำศัพท์ที่ไม่ได้ยินมาเสียนานทำให้สีหน้าของเธอบิดเบี้ยวไม่น่ามอง

“อะไรกัน เห็นว่ามารดาเจ้าเป็นคนเร่ร่อนชั้นต่ำ แต่เรียก ‘ยายเลือดผสม’ แล้วกลับหัวเสียสุดๆ ท่าทางจะเป็นเรื่องจริงสินะ ยายเลือดผสม?”

ฟีเรนเทียยังคงมองตรงไปข้างหน้า เมินเฉยหมอนี่

“ไม่รู้จักเกรงกลัวเจ้าชายบ้างเลยหรือไง!”

อาสทาน่าคว้าไหล่ของเธอ หมุนตัวเธอกลับมามองเขาอย่างแรงจนไหล่เธอเจ็บไปหมด

พวกอัศวินเองก็ผงะเมื่อเห็นพฤติกรรมรุนแรงของเจ้าชาย แต่กลับไม่มีใครเข้ามายุ่ง พวกเขาเพียงแค่จับตามองพวกเราด้วยใบหน้าตึงเครียดเท่านั้น

“ปล่อยไหล่หม่อมฉันด้วยเพคะเจ้าชาย”

“หึ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]