“ฟีเรนเทีย มานี่สิ”
ท่านปู่คงจะเป็นห่วงเธอที่ยืนนิ่งอยู่ตามลำพัง จึงกวักมือเรียกให้เธอเข้ามาอยู่ใกล้ๆ เตียงนอน
แต่เธอส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของห้องนอน ค่อนข้างห่างออกมาจากเตียงนอนพอสมควร
“ล่าสุดมานี่มีหกล้ม หรือว่าบาดเจ็บที่เอวบ้างมั้ยครับ”
“ไม่มีเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้น…”
ดอกเตอร์โอมัลลี่ตรวจร่างกายท่านพ่ออย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก
“ลองขยับปลายเท้าดูได้มั้ยครับ”
“อืม…”
ท่านพ่อมองปลายเท้าของตัวเอง ในขณะที่พยายามตั้งสมาธิ แต่ขาข้างขวากลับไม่ยอมขยับตามคำสั่ง
“แปลก…”
ท่านพ่อขมวดคิ้วด้วยความตื่นตระหนก พยายามลองอยู่หลายครั้ง แต่มันก็เปล่าประโยชน์
ขาที่จนถึงเมื่อตอนเช้ายังเป็นปกติดี กลับไม่ยอมฟังคำสั่งราวกับจู่ๆ ก็กลายเป็นขาของคนอื่นไปเสียแล้ว เจอเรื่องแบบนี้ไม่ว่าใครก็ต้องตระหนกกันทั้งนั้น
และนั่นก็คือความน่ากลัวของโรคร้ายที่เรียกว่า เทรนด์บลู
ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ จู่ๆ มันก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
ทั้งยังไม่ใช่โรคทางพันธุกรรม
ไม่มีใครทราบว่าโรคนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง
เมื่อชาติที่แล้วก็เหมือนกัน
เอสทีร่าเองก็แค่ผลิตยาที่ระงับอาการชาได้เท่านั้น
ไม่ได้ค้นพบสาเหตุของโรคเทรนด์บลูได้แต่อย่างใด
“ที่ขาไม่รู้สึกปวดเลยหรือครับ”
“ปวดเหรอ…อืม ไม่เลยครับ ถ้ารู้สึกเจ็บสักหน่อยคงจะดีกว่า แต่นี่มันรู้สึกเหมือนจู่ๆ ขาของข้าก็หายไปน่ะครับ”
“อืม…”
สีหน้าของดอกเตอร์โอมัลลี่เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
“นั่นมันช่าง เป็นอาการที่ไม่สามัญเลยนะครับ”
ถึงแม้จะกำลังยื้อเวลาด้วยคำพูดโน่นนี่ แต่บางทีดอกเตอร์โอมัลลี่เองก็คงจะทราบแล้ว
ว่าอาการที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของท่านพ่อ มันชี้ไปได้แค่ที่โรคเดียว ซึ่งก็คือโรคที่เรียกว่าเทรนด์บลู
ท่าทางของดอกเตอร์โอมัลลี่ที่เริ่มพูดน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ท่านพ่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
นัยน์ตาขุ่นมัวเหลือบมองท่านปู่ ก่อนจะเอ่ยพูดกับเธอที่นั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมห้อง
“เทีย ออกไปรอข้างนอกสักประเดี๋ยวได้มั้ย”
“…ค่ะ”
เธอเดินออกมาข้างนอกห้องเงียบๆ ปิดประตูลง
ไม่คิดที่จะแอบฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นภายในห้อง
เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะพูดอะไรกันบ้าง
“คุณหนู…”
ลอรีลกับเครย์ลีบันที่นั่งรออยู่นอกประตูต่างก็หันมามองเธอแล้วรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง
“อย่ากังวลมากไปเลยนะคะ ท่านแคลอฮันจะต้องไม่เป็นอะไรค่ะ”
ลอรีลดึงเธอเข้าไปกอดในอ้อมอกอันแสนอบอุ่น แต่ความอบอุ่นนั้นมันกลับไร้ประโยชน์เมื่อเจอกับหัวใจของเธอที่แข็งจนด้านชา
“ช่วยไปเอานมอุ่นๆ มาให้ข้าสักแก้วได้มั้ย”
เธอไหว้วานลอรีล
“ได้สิคะ คุณหนู รอสักครู่นะคะ!”
ลอรีลทำท่าดีใจมากที่เธอบอกว่าอยากจะดื่มอะไรเสียหน่อย ก่อนจะรีบพุ่งไปยังห้องครัวอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ในห้องรับรองจึงเหลือเพียงเธอกับเครย์ลีบันแค่สองคน
เครย์ลีบันไม่ได้พยายามปลอบโยนเธอ
บางทีเขาคงจะอ่านความผิดปกติอะไรบางอย่างได้จากท่าทางของเธอ
“เครย์ลีบัน”
“ครับ ท่านฟีเรนเทีย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...