ฟีเรนเทียไม่เดินเข้าไปอยู่ข้างกายแคลอฮัน
เพียงแค่ยืนนิ่งห่างออกไปจากหน้าประตู สนทนากับเครย์ลีบันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันหลังเดินกลับออกไปเท่านั้น
ภาพนั้นทำให้แคลอฮันได้แต่ยิ้มขมขื่น ก่อนจะเอ่ยพูดกับลอรีล
“ลอรีล ช่วยเตรียมตัวพาเทียเข้านอนทีได้มั้ย”
“…ค่ะ ท่านแคลอฮัน”
ลอรีลก้มหน้าลง วิ่งตามหลังฟีเรนเทียออกไป
ตอนนี้คนที่ยังอยู่ภายในห้องกับแคลอฮัน จึงเหลือเพียงแค่รูลลักที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนเคย กับเครย์ลีบันที่ยืนอยู่หน้าประตูเท่านั้น
“ต่อไปคงต้องยืมมือขอความช่วยเหลือจากหนูลอรีลมากกว่าเดิม เรื่องใหญ่เลยนะครับเนี่ย”
ต่อไปจะมีเรื่องที่เขาไม่อาจทำได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้อาจจะเป็นเพียงแค่ขาข้างเดียว แต่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าอาการชาเป็นอัมพาตนี่มันจะลุกลามไปถึงส่วนอื่นเมื่อไหร่
“ครึ่งปี…”
นั่นคือเวลาที่เหลืออยู่ของเขาตามที่ดอกเตอร์โอมัลลี่บอก
หลังจากที่เกิดอาการของโรคเทรนด์บลู ปกติแล้วจะอยู่ได้อีกไม่เกินครึ่งปี แล้วเสียชีวิตลง
“พรุ่งนี้จะเรียกตัวหมออื่นมาเพิ่ม จะได้ลองตรวจร่างกายดูใหม่อีกรอบ”
“ท่านพ่อ…”
“โรคที่เกิดขึ้นได้ยากขนาดนั้น ตรวจแค่ครู่เดียวจะไปรู้อะไรได้ ลองให้หมอคนอื่นตรวจวินิจฉัยดูเถอะเจ้าเป็นโรคเทรนด์บลูอย่างนั้นหรือ มันเป็นไปไม่ได้หรอก…”
เสียงพึมพำของรูลลักทำให้ใบหน้าของเครย์ลีบันนิ่งงัน
“เทรนด์บลู…”
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่!”
สุดท้ายรูลลักก็ตะคอกเสียงดังด้วยความโมโหใบหน้าของชายชราบิดเบี้ยวจนไม่น่ามอง ท่าทางโมโหมากเสียจนบอกได้ยากว่านี่เป็นคนคนเดียวกันกับรูลลักที่ปกติมักจะเย็นชาและสงบนิ่งอยู่เสมอ
“แคลอฮันไม่มีทางเป็นโรคร้ายแบบนั้นแน่!”
“ท่านพ่อ…”
แคลอฮันมองรูลลักที่กำลังโมโห ก่อนจะพยักหน้าลงพลางเอ่ยพูด
“ข้าจะลองรับการตรวจจากหมอท่านอื่นดูครับ”
“ดี ดีมาก ฝีมือของดอกเตอร์โอมัลลี่คงจะขึ้นสนิมไปแล้วกระมัง”
รูลลักลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งแล้ว”
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น สายตาของรูลลักกลับไม่อาจละออกไปจากขาของแคลอฮันที่เกร็งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนได้เลย
มองจากภายนอกก็เป็นปกติดีแท้ๆ
“เจ้ายังหนุ่มยังแน่น แคลอฮัน”
หนุ่มเกินกว่าจะปล่อยให้เป็นโรคร้ายไร้ซึ่งยารักษา
รูลลักเหลือทิ้งไว้เพียงแค่คำพูดประโยคนั้น แล้วหมุนตัวหันหลังกลับ
“และเรื่องนี้อย่าปล่อยให้หลุดออกไปได้ล่ะ เจ้า…เพียงแค่ไปร่วมงานเลี้ยงในวังแล้วเกิดสะดุดจนขาหักเท่านั้น เข้าใจมั้ย”
“…ขอบคุณครับ ท่านพ่อ”
หากข่าวลือแพร่ออกไปว่า สุขภาพของแคลอฮันซึ่งช่วงหลังมานี่กำลังโดดเด่นทั้งในสายตาของผู้คนนอกและในตระกูลมีอะไรผิดปกติ คลื่นกระทบที่ตามมาจะมากมหาศาลทีเดียว
สำหรับคู่แข่งที่กำลังเล็งหาโอกาสมันจะกลายเป็นข่าวดีที่พวกเขาเฝ้ารอ สำหรับผู้คนที่คาดหวังอยากจะทำงานร่วมกันกับร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน มันจะกลายเป็นอุปสรรคชิ้นโต
“อาจจะมีใครแวะมาเยี่ยมก็เป็นได้ ยังไงก็เข้าเฝือกขาข้างนั้นเผื่อไว้ก่อน”
“ฮ่าฮ่า ครับ ท่านพ่อ”
แคลอฮันหัวเราะ ส่วนรูลลักเพียงแค่กล่าวกับบุตรชายที่หัวเราะเช่นนั้นว่า ‘เจ้าเด็กโง่’ แล้วเดินออกไปจากห้อง
ประตูถูกปิดลงเสียงดังแกรก พร้อมกับรอยยิ้มที่จางหายไปจากใบหน้าของแคลอฮัน
แคลอฮันเอ่ยพูดกับเครย์ลีบันด้วยเสียงนิ่งสงบ
“คุณเครย์ลีบัน”
“ครับ ว่ามาได้เลยครับ”
“ท่าทางคงจะต้องเตรียมการอะไรหลายเรื่องหน่อยแล้วละครับ”
“พูดเรื่องอะไรกันครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...