เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

“อื้อ”

‘อื้อ’ เนี่ยนะ!

เธอเองก็พอจะรู้อยู่หรอกว่า เฟเรสเป็นพวกนิสัยเอื่อยเฉื่อยไม่สนใจอะไรน่ะ!

แต่นี่มันสารจากจักรพรรดิ ย่อมแตกต่างจากสารที่เขียนกันทั่วไปอยู่แล้ว

หากจักรพรรดิออกรับสั่งอย่างเป็นทางการให้ส่งมอบสารแล้วละก็ คนคนนั้นจำต้องรีบนำสารที่ว่านั่นส่งให้ถึงมือผู้รับที่ถูกลงนามเอาไว้โดยเร็วที่สุด มันเป็นภาระที่หนักมากทีเดียว

มันเป็นสามัญสำนึกธรรมดาที่หากเป็นพลเมืองของอาณาจักร ไม่ว่าใครก็ต้องรู้กันทั้งนั้น!

เฟเรสเพียงแค่มองเธอกับลอรีลที่กำลังตื่นตกใจด้วยสีหน้าว่างเปล่าเท่านั้น

เธอรีบสำรวจซองจดหมายอย่างรวดเร็วในทันที

“รูลลัก ลอมบาร์เดีย…”

“จะ…จะรีบส่งคนไปที่ห้องทำงานนะคะ!”

ลอรีลรั้งชายกระโปรงขึ้นกำไว้ในมือแน่น นางเอ่ยพูดในขณะที่เตรียมพร้อมออกตัววิ่ง

“เดี๋ยวก่อน”

เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นห้ามลอรีลเอาไว้

“เฟเรส เจ้ารู้หรือเปล่าว่าในจดหมายมีเนื้อหาว่ายังไงบ้าง”

“สั่งให้เจ้ามาเป็นเพื่อนเล่นของข้าน่ะ”

เฟเรสไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียวที่จะเปิดเผยเนื้อหาสารของจักรพรรดิ

เธอได้แต่กุมขมับ ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“น่าปวดหัวชะมัด…”

การเป็นเพื่อนเล่นของเจ้าชาย มันไม่ต่างอะไรกับการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ครอบครัวหรือตระกูลของเด็กที่ถูกเลือกจะให้การสนับสนุนเจ้าชายคนนั้นในการขึ้นครองบัลลังก์

ดูจากอาสทาน่ากับเบเลซักก็รู้ได้แล้ว

หลังจากที่บอกให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองเป็นคนของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งรอบกายของเบเจอร์ก็มีคนประเภทเดียวกันมารวมตัวกันเต็มไปหมดเพราะเบเจอร์ที่ทุกคนคาดว่าจะได้ขึ้นเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคนถัดไป ได้ทำการเลือกข้างเจ้าชายลำดับที่หนึ่งแล้ว ดังนั้นยิ่งเวลาผ่านไปตระกูลอังเกนัสเองก็ยิ่งเหิมเกริมมากกว่าเดิม

“ลำบากใจเหรอ”

เฟเรสถามเธอ

“ก็นะ ก็ไม่ได้ชอบนักหรอก”

เรื่องคราวนี้จะต้องทำให้อาสทาน่ากับจักรพรรดินีโมโหสุดๆ เป็นแน่

อีกอย่างเพราะเรื่องที่เธอกับอาสทาน่าทะเลาะกัน ทำให้ดาบของเฟเรสหันไปทางคอของอาสทาน่า ไม่ใช่ดาบของคนอื่นแต่อย่างใด

แถมเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั่น ยังทำให้ความจริงที่ว่าเฟเรสสามารถใช้ออร่าได้ แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างเสียด้วย

เจ้าชายลำดับที่สองปรากฏตัวอย่างเป็นทางการในงานเลี้ยงที่สำคัญที่สุดอย่างงานเลี้ยงประจำวันชาติของอาณาจักร และความจริงที่ว่าเฟเรสซึ่งเพิ่งจะอายุได้แค่สิบสามปีกลับใช้ออร่าได้แล้ว มันทำให้ทุกคนต่างก็ฮือฮากันไปใหญ่ว่า อัจฉริยะตัวจริงได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

แต่การมีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับฝั่งอาสทาน่า และการกลายเป็นคนของเฟเรสโดยสมบูรณ์ มันเป็นปัญหาคนละเรื่องกัน

พูดให้ถูกต้องก็คือ นี่เป็นการประกาศว่าท่านพ่อซึ่งเป็นบุตรชายคนที่สามของเจ้าตระกูลอมบาร์เดีย เลือกที่จะให้การสนับสนุนเฟเรส

เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อกิจการของท่านพ่ออย่างใหญ่หลวง

ในตอนที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดก็พลันสบเข้ากับนัยน์ตาของเฟเรสพอดี

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มขมวดลงเล็กน้อย เขาจ้องหน้าเธอ ก่อนจะถามคำถามออกมา

“เพราะงั้นเรื่องเป็นเพื่อนเล่นของข้า สำหรับเจ้าแล้วมันเป็นเรื่องน่าปวดหัวใช่มั้ย”

เธอพยักหน้าลงเล็กน้อย ตั้งใจจะอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง

แต่ว่า

“เจ้าทำอะไรเนี่ย!”

แควก

เฟเรสฉีกสารของจักรพรรดิออกเป็นสองส่วนอย่างแม่นยำ

เด็กนี่บ้าไปแล้วหรือไง!

แต่เฟเรสกลับยืนยันหนักแน่น

“ถ้ามันทำให้เจ้าลำบากใจ ก็ไม่จำเป็นต้องทำหรอก”

“ถะ…ถึงยังไงก็เถอะ!”

นี่มันสารของจักรพรรดินะ!

“ในที่สุดฝ่าบาทก็…”

ใบหน้าของท่านพ่อดูเหมือนพอจะคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันเรื่องทำนองนี้อาจจะเกิดขึ้น

หรือว่าพวกผู้ใหญ่มีพูดกันไว้ก่อนแล้ว แต่เธอไม่รู้

ท่านพ่อมองเฟเรสด้วยนัยน์ตาแปลกพิลึกอยู่ครู่หนึ่ง

ใบหน้าน่ากลัวแบบนั้น ไม่สมกับเป็นท่านพ่อที่มักจะอ่อนโยนและอบอุ่นอยู่เสมอเลย

เธอเห็นไหล่ของเฟเรสผวาเล็กน้อย ทั้งยังกระตุกเกร็งเมื่อได้สบตากับท่านพ่อที่จ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น

ทั้งสองคนนิ่งไม่ขยับตัว ราวกับกำลังแข่งจ้องตากันอยู่

“คือว่า…”

และในตอนที่เธอทนดูต่อไปไม่ไหว จึงเอ่ยพูดออกไปเพื่อขัดจังหวะพวกเขา

ท่านพ่อที่ยืนพิงประตูอย่างยากลำบากส่งเสียงคราง ‘ฮึ่ม’ ก่อนที่จะหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากข้างหลังประตูบานนั้น

มันคือไม้ค้ำที่ดอกเตอร์โอมัลลี่นำมาให้เมื่อตอนเช้า

“สารของฝ่าบาทก็ต้องนำไปส่งมอบในทันทีสิ ไปห้องทำงานของท่านปู่กันเถอะ”

“ข้าไปเองค่ะ! พ่อขายัง…”

“พ่อยังเดินไหว”

ท่านพ่อยิ้มตอบอย่างหนักแน่น

“พ่อใช้ไม้ค้ำเดินได้ เรื่องของลูกสาวทั้งที พ่อก็ต้องช่วยด้วยสิ”

ภาพท่านพ่อใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว มันดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย

ขนาดตอนเดินบนโถงทางเดินราบเรียบยังไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ ตอนที่ก้าวลงบันไดยิ่งแย่กว่านั้นอีก

เธอกับลอรีลเอ่ยปากว่าจะช่วยพยุงไป แต่ท่านพ่อก็ปฏิเสธ

“ข้าไปเองได้”

ชั่วขณะ เธอรู้สึกเหมือนเห็นความดื้อรั้นเหมือนท่านปู่สะท้อนออกมาจากตัวของท่านพ่อแต่ในขณะเดียวกันแผ่นหลังของท่านพ่อก็ดูกว้างใหญ่เหลือเกิน ตลอดระยะเวลาที่เดินไปยังห้องทำงาน ต่อให้มีเรื่องใดเกิดขึ้นในโลก เธอก็ไม่หวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]