เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

“จะ…เจ้า นังเลือดผสม!”

“หุบปากซะ เบเลซัก”

เธอขวางไม่ให้เด็กนี่ร่ายบทพูดน่าเบื่อซ้ำซากออกมาอีก

“ตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมานั่งฟังเจ้าพูดกระแนะกระแหนโน่นนี่ว่า ‘เลือดผสม’ หรอกนะ? รีบไสหัวไปซะในตอนที่คนเขายังพูดดีๆ ด้วยน่ะ”

ตอนนี้ที่เธอฟิวส์ขาดได้ง่ายเพราะเรื่องของท่านพ่อ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าเด็กอย่างเบเลซักมาวนเวียนรอบตัว เธอจะเผลอลงมือทำอะไรกับเขาบ้าง

ที่เธอพูดออกไปนี่ก็เป็นคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยของตัวเบเลซักเองทั้งนั้นนะ

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเบเลซักจะเข้าใจไปในทางไหนอีก

หมอนั่นกัดฟันกรอด พ่นลมหายใจเสียงฮึดฮัดจนจมูกบาน

“เจ้ามันไร้ค่า!”

“คิดให้ดีนะ”

ฟีเรนเทียเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะ

แล้วเอ่ยถามอาสทัลลีอู

“เจ้าทำไมถึงได้เอาแต่ติดตามเด็กแบบนั้นกันแน่เนี่ย”

อาสทัลลีอูเบิกตากว้าง ก่อนจะเหลือบมองเบเลซัก

“แถมยังพาน้องชายตัวเล็กมาด้วยอีก”

น้องชายของอาสทัลลีอู เครนีย์เป็นเด็กที่ตัวเล็กมากเกินกว่าเด็กวัยเดียวกันจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะอายุเจ็ดขวบจริงๆ

ภายภาคหน้าเขาจะกลายเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เป็นเด็กที่ไม่เน่าเฟะเพียงคนเดียวในบรรดาลูกพี่ลูกน้องของเธอ และยังเป็นคนที่เธอรู้สึกแย่ด้วยน้อยที่สุด

เรือนผมสีแดงที่ได้รับสืบทอดจากสายเลือดทางฝั่งมารดาอย่างตระกูลกิเนฟอร์คและใบหน้าเต็มไปด้วยกระนั่น ทำให้เขายิ่งดูเด็กมากยิ่งขึ้น

“เบเลซักน่ะเป็นเชือกที่ขาดแล้ว เพราะฉะนั้นไปหาเชือกอื่นเถอะ”

ฟีเรนเทียเตือนจากใจ

เธอไม่คาดหวังหรอกว่าอาสทัลลีอูจะจดจำคำแนะนำของเธอแต่ถ้าหากในภายภาคหน้าเด็กนี่จำช่วงเวลานี้ได้ เขาคงจะกระทืบเท้าด้วยความเสียใจ พร่ำบอกว่า ‘ตอนนั้นน่าจะฟังคำเตือนนั่นไว้แท้ๆ!’

“ไม่ได้การ พวกเราไปกันเถอะ เฟเรส”

เธอไม่อยากมองหน้าพวกโง่นี่อีกต่อไป หลังจากที่พูดแบบนั้นจึงตั้งใจจะพาเฟเรสออกไปจากสวน

“เฮ้เลือดผสม! ดูเหมือนจะภูมิใจมากเลยนะที่ไอ้เจ้าชายลำดับที่สองนี่มันมาหาเจ้าน่ะ!”

เธอหยุดชะงักฝีเท้า หันหลังกลับไปหาเบเลซัก

คงกลัวคนอื่นเขาไม่รู้มั้งว่าเป็นแฝดวิญญาณของอาสทาน่าน่ะ ถึงกลับต้องห้อยดาบไว้ที่เอว โอ้อวดว่าตัวเองเรียนวิชาฟันดาบ เหมือนกันจนน่าขัน

หากเป็นปกติเธออาจจะเมินเฉย แล้วยอมปล่อยผ่านไปเฉยๆ ก็ได้ แต่วันนี้เธอกำลังอารมณ์เสีย ทำให้เส้นความอดทนมันขาดผึงอย่างรวดเร็ว

เธอชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง

“เรื่องแรก ข้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเรียกข้าว่าเลือดผสมน่ะ เรื่องที่สอง ไอ้เจ้าชายลำดับที่สองงั้นเหรอ จะทำตัวโง่เง่าไปถึงเมื่อไหร่กัน และเรื่องที่สาม ทำไมข้าจะต้องมานั่งอวดคนโง่อย่างเจ้าด้วยล่ะ วุ่นวายจนน่ารำคาญเหมือนพวกแมลงหวี่แมลงวัน ไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือไงเจ้าน่ะ”

ทิ้งท้ายไว้แค่นิ้วกลางเพียงนิ้วเดียวที่ยังคงชูตระหง่าน

“วะ…ว่ายังไงนะ”

เบเลซักพูดตะกุกตะกัก พยายามทำความเข้าใจคำพูดของเธออยู่พักใหญ่ แต่ก็ล้มเหลวหาคำพูดดีๆ เถียงเธอไม่ออก จนใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย

และคราวนี้ก็เปลี่ยนเป้าหมาย

“หึ พวกเลือดผสมสองคนก็เหมาะกันดีนะ”

“เจ้าว่ายังไงนะ”

ได้ยินเสียงเส้นอะไรบางอย่างขาดผึงดังขึ้นในหัวสมอง

“พวกเลือดผสม?”

แค่พูดจาเสียดสีว่าเธอเป็นเลือดผสมยังไม่พอ นี่ยังถึงขนาดยุ่งกับเฟเรสที่อยู่เฉยๆ อีก

เธอหยิบสิ่งแรกที่มองเห็นบนพื้นขึ้นมาถือไว้ตามสัญชาตญาณ

“เจ้ามันตัวอะไร กล้าดียังไงมาด่าเขา”

มันเป็นหินก้อนค่อนข้างใหญ่

ฟีเรนเทียเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าของแบบนี้ทำไมมาอยู่บนผืนหญ้าที่ถูกดูแลตัดแต่งอย่างดีได้ แต่ความรู้สึกของก้อนหินในกำมือนี่มันช่างเหมาะเหม็งดีจริงๆ

“จะ…เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!?”

ใบหน้าของเบเลซักยามมองก้อนหินที่เธอถือไว้ในมือเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ชิ้ง

ในที่สุดเบเลซักก็ก้าวถอยไปข้างหลังในขณะที่ชักดาบออกมา

แต่เธอไม่แม้แต่จะกะพริบตา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]