“พ่อ พ่อ”
แคลอฮันลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงมือเล็กที่เขย่าไหล่ของตน
“อืม เทียเหรอ”
เขาหลับไปนานมากขนาดไหนกันนะ แคลอฮันต้องกะพริบตาที่ปิดแน่นอยู่หลายครั้ง กว่าจะมองเห็นโลกที่พร่ามัว
“พ่อ ตื่นก่อนแป๊บหนึ่งนะคะ มีเรื่องที่ต้องคุยให้ได้อยู่น่ะค่ะ”
แคลอฮันกุมมือของลูกสาวที่เล็กมากเสียจนเขาสามารถกอบกุมเอาไว้ได้ในมือข้างเดียวแน่นเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้กำลังฝันเพราะฤทธิ์ยา
“พ่อคงจะเพลียมากแท้ๆ ขอโทษนะคะ”
“เทียของพ่อมีอะไรให้ต้องขอโทษกัน พ่อต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษที่เอาแต่หลับ”
แม้แต่ตอนนี้เอง แคลอฮันก็ยังต้องต่อสู้กับเปลือกตาที่เอาแต่จะพับปิดลงอยู่เรื่อย
“เรื่องที่จะคุยคือเรื่องอะไรล่ะ เทีย”
“ได้ยินว่ามีข่าวลือเรื่องที่พ่อป่วยแพร่ไปทั่วเลยค่ะ”
“…ว่าไงนะ”
ความง่วงงุนปลิวหายเป็นปลิดทิ้ง
อาการป่วยของแคลอฮันเป็นความลับที่ต้องรักษาเอาไว้จนถึงที่สุด
เพื่อร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน และสำคัญที่สุดเหนือสิ่งใดคือเพื่อเทีย
“ไม่สิ ได้ยังไงกัน…ใครกันที่…”
แคลอฮันพึมพำด้วยความตระหนก
สิ่งที่ขวางความตื่นตระหนกของแคลอฮันไว้คือคำพูดคำเดียวของลูกสาว
“พ่อ”
“เทีย?”
แคลอฮันคิดว่า ‘อา คงจะฝันไปสินะ’
เพราะใบหน้าของลูกสาวที่เขาเห็นอยู่ทุกวันดูเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ใบหน้ายังคงเป็นเด็กเหมือนเคยแท้ๆ แต่เขากลับมองเห็นภาพของผู้ใหญ่โตเต็มวัยคนหนึ่งซ้อนทับอยู่ข้างบนนั้น
มันชัดเจนขนาดที่เขาหลงคิดว่าเห็นภาพหลอนจากฤทธิ์ยาเลยทีเดียว
“ข้าก็อยากจะอธิบายเรื่องทั้งหมดนะคะ แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาแล้ว เพราะฉะนั้นจะพูดตรงๆ เลยก็แล้วกันนะคะ ช่วยเขียนจดหมายให้แผ่นหนึ่งทีค่ะ”
“จดหมาย? ให้ใครกัน”
“ถึงท่านหญิงเซอเชาว์ค่ะ”
เทียรีบยกเอาโต๊ะตัวเตี้ยสำหรับใช้บนเตียงนอนกับกระดาษจดหมายและเครื่องเขียนมาให้
“เนื้อหาในจดหมายเรียบง่ายมากค่ะ ‘ขออภัยที่ไม่ได้แจ้งเรื่องอาการป่วยล่วงหน้านะครับ ตอนนี้ข้ากำลังอยู่ระหว่างการฟื้นฟูร่างกาย แต่ข้าได้ฝากฝังคนที่ไว้ใจได้ให้ถือสารฉบับนี้มาด้วยเพราะฉะนั้นหวังว่าจะเชื่อใจและรอข้าต่ออีกสักพักนะครับ’ ค่ะ”
แคลอฮันถือปากกาขนนกตามที่ลูกสาวช่วยจับใส่มือให้
เขาเหม่อมองฟีเรนเทียที่หยิบกระดาษมาวางให้ตรงปลายปากกา
แววตาคู่นั้นดูนิ่งสงบ แต่มันแฝงไว้ด้วยความคิดอะไรหลายอย่าง
“…หากเรื่องเร่งด่วนทั้งหลายนี่จบลง ถึงตอนนั้นช่วยเล่าให้พ่อฟังได้มั้ยเทีย”
เขารู้ดีว่าลูกสาวของเขาเป็นเด็กที่พิเศษกว่าคนอื่น
ถึงแม้จะอ่อนแอและนิสัยทึ่มทื่อเหมือนเขา แต่ก็เป็นเด็กที่เรียนรู้อะไรต่างๆ ได้ไวกว่าใครอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะในอดีต หรือในปัจจุบัน
นางเป็นบุตรสาวที่เขารักใคร่ยิ่งกว่าใคร แต่เขาสังหรณ์ใจว่าอาจจะมีความลับอะไรบางอย่าง ที่แม้แต่คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ยังไม่รู้ซ่อนอยู่
“ข้าสัญญาค่ะ พ่อ”
ได้ยินคำมั่นจากเทียแล้ว แคลอฮันจึงเริ่มขยับปากกาขนนกอย่างไม่ลังเล
ตั้งแต่ต้นจนจบ
เขียนตามที่เทียบอก
ตอนท้ายเขาจุ่มปากกาขนนกค้างลงในหมึกอีกครั้ง ลายเซ็นทิ้งท้ายอย่างมั่นคง ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าเป็นคนป่วย
แคลอฮันพับกระดาษจดหมาย ยื่นส่งให้เทียพลางเอ่ยถาม
“ขอถามได้มั้ยว่าใครเป็นคนช่วยส่งจดหมายนี่”
สารนั่นดูแล้วไม่น่าใช่ของที่จะมอบหมายฝากให้ใครช่วยถือไปมอบให้ก็ได้จะเรียกว่าเป็นสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อก็ได้ แคลอฮันเองก็พอจะคาดเดาได้รางๆ อยู่เหมือนกัน
เทียเผยสีหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา
“จะไหว้วานป้าชานาเนสน่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...