สถานการณ์ในตอนนี้นั้นราวกับละครเวทีที่สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน บนใบหน้าของรูลลักเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ปกเสื้อของเขากลับมีแต่กลิ่นของสายลมเย็นยะเยือก
เขาวิ่งตรงมาจากลอมบาร์เดียมาจนถึงที่นี่โดยไม่หยุดพัก เพื่อไม่ให้มาถึงสายเกินไปแม้แต่วินาทีเดียว
“สะ…เสียมารยาทอะไรเช่นนี้!”
เจ้าตระกูลอังเกนัส เฟรดริก อังเกนัสชี้นิ้วไปยังรูลลักในขณะที่ตะโกนเสียงดังปาวๆ
“ต่อให้เป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย แต่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องทรงงานของฝ่าบาทเช่นนี้ มันข้ามเส้นเกินไปแล้วชัดๆ นะครับ!”
“ข้ามเส้น? เพราะงั้นตอนนี้เจ้าถึงได้มาคร่ำครวญอ้อนวอนขอแย่งกิจการของแคลอฮันจากฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ”
“ระ…รู้เรื่องนั้นได้ยังไง…”
“อังเกนัสรู้ความลับในบ้านข้า แล้วข้าจะอ่านวิธีสกปรกของอังเกนัสไม่ออกได้หรือ”
รูลลักสาวเท้าเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงปลายจมูกของเฟรดริก อังเกนัส
เงาดำของรูลลักพาดทับเหนือร่างเล็กผอมแห้งของเฟรดริก
“เมื่อครู่นี้บอกว่าข้าข้ามเส้นใช่มั้ย”
“ชะ…ใช่สิ! กล้าเข้ามาในห้องทรงงานของฝ่าบาท!”
รูลลักยกมือขึ้นข่มราวกับจะหักคอของเฟรดริก อังเกนัส ที่เอาแต่พูดคำพูดเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนนกแก้ว
“อึก!”
เฟรดริกคู้กายลงเมื่อถูกกดดันอย่างรุนแรงด้วยจิตสังหาร เขาได้แต่กัดฟันแน่นพยายามไม่ส่งเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดออกมาเมื่อต่อมาถูกแรงมหาศาลบีบเข้าที่ไหล่จนมันแทบหัก
รูลลักโน้มกายเข้าใกล้อีกฝ่าย กระซิบเสียงแผ่วข้างใบหูของเฟรดริก
“ขายความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทิ้งไปแล้ว นี่ขายสมองทิ้งไปพร้อมกันด้วยหรือไร เฟรดริก?”
พูดเสียงกระซิบให้มีแต่หูของเฟรดริก อังเกนัสเท่านั้นที่ได้ยิน
“เจ้าทำได้ดีที่สุดแค่กรีดเสียงร้องไม่น่าฟังเหมือนตอนนี้เท่านั้นแหละ แต่ถ้าข้าลงมือเคลื่อนไหวขึ้นมา อังเกนัสคงจะมีสภาพเละเทะเหมือนเจ้าเลยกระมัง”
“นะ…นี่กำลังขู่ข้าอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ ข้ากำลังขู่ ฟังให้ดีล่ะ เฟรดริก อังเกนัส”
โทนเสียงของรูลลักกดลงต่ำยิ่งขึ้น
“นับตั้งแต่วินาทีที่เจ้าย่างกรายเข้ามาเหยียบพระราชวัง เพื่อขโมยกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลังจากที่ได้ยินข่าวอาการป่วยของลูกชายข้าเจ้าก็ข้ามเส้นแล้ว”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเต็มไปด้วยริ้วรอยส่องประกายวาววับด้วยความโกรธ
“เจ้าข้ามเส้นที่รักษาอังเกนัสของเจ้าไว้จากข้าด้วยเท้าของเจ้าเองเสียแล้วละ เข้าใจมั้ย เฟรดริก?”
เฟรดริกอังเกนัสกลืนน้ำลายเสียงดังอึก
เขาทราบดีอยู่แล้วว่าหากเป็นเรื่องของสายเลือดตัวเอง รูลลักเป็นพวกไร้ความเมตตาใดๆ
ถึงแม้เขาเคลื่อนไหวโดยคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่าเรื่องราวอาจจะดำเนินไปในทิศทางนี้ก็ได้
ไม่รู้ทำไมเฟรดริกอังเกนัสถึงได้แต่ครุ่นคิดอย่างหดหู่ว่าบางทีเขาอาจจะข้ามเส้นที่ไม่ควรข้ามไปแล้วอย่างที่รูลลักพูดจริงๆ ก็ได้
ความรู้สึกเสียใจทีหลังมันเผยออกมาจากในใจของเฟรดริก
ราวกับอ่านความคิดในใจของเขาออก บนใบหน้าของรูลลักที่เปี่ยมไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาเผยรอยยิ้มน่าขนลุก พร้อมกับเอ่ยพูดขึ้น
“ใช่แล้ว ต่อไปเจ้าจะต้องคิดเช่นนั้นอีกนับครั้งไม่ถ้วน เสียใจแล้วเสียใจอีก ว่า ‘ตอนนั้นไม่น่ายื่นมือเข้าไปยุ่งกับแคลอฮันเลย’ ยังไงล่ะ”
รูลลักบีบไหล่ของเฟรดริก อังเกนัสอย่างแรง จนอีกฝ่ายส่งเสียงร้องเฮือกออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเบือนหน้าหนี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...