เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

ท่านหญิงเซอเชาว์มองชานาเนสที่นั่งอยู่ตรงหน้านาง

“ได้ยินข่าวลือเรื่องอาการป่วยของแคลอฮันแล้ว แต่นี่คือวิธีที่ลอมบาร์เดียปฏิบัติต่อตระกูลที่จะร่วมมือกันทำธุรกิจอย่างนั้นหรือ”

“ต้องขออภัยด้วยค่ะ ที่ไม่อาจแจ้งให้ทราบล่วงหน้าได้”

ชานาเนสก้มศีรษะลงอย่างสุภาพ

ภาพนั้นยิ่งทำให้ท่านหญิงเซอเชาว์รู้สึกโมโหมากขึ้นไปอีก

“ไหนลองแก้ตัวมาสิ! แบบนี้คิดว่าข้าจะเชื่อใจแคลอฮัน ร่วมกันสร้างกิจการใหญ่โตได้หรือยังไง!”

“ท่านป้า”

หลังจากที่ชานาเนสเอ่ยเรียกท่านหญิงเซอเชาว์เสียงแผ่ว นางก็หยิบเอาจดหมายที่เก็บอยู่ในอกเสื้อออกมา

มันคือสารจากแคลอฮัน

ท่านหญิงเซอเชาว์เปิดมันออก แล้วก็ต้องหลุดเสียงร้องครางต่ำ

[ถึง ท่านป้าเบทริกซ์

ข้าคิดว่าป่านนี้คงจะทราบข่าวเรื่องของข้าแล้ว และก็คงกำลังจะโกรธเคืองกันอยู่ครับ

ข้าตั้งใจว่าจะแจ้งข่าวให้ทราบเมื่อถึงเวลา แต่หากทำเช่นนั้นคงกลายเป็นว่าข้าโกหกท่านป้าเสียแล้วน่ะสิครับ

เพื่ออนาคตของเทีย บุตรสาวของข้า ข้าถึงได้ตั้งใจว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ ไม่ให้ใครทราบให้ได้นานที่สุดครับ

แต่ในสถานการณ์ที่เรื่องราวทั้งหมดกลับแพร่ออกไปแตกต่างจากที่ตั้งใจไว้ ข้าจึงต้องบากหน้าขอร้องท่านป้าอย่างหน้าไม่อาย

ขอท่านป้าได้โปรดเชื่อใจข้า และรอคอยข้าอีกสักพักเถอะนะครับ

หากไม่อาจเชื่อใจข้าที่คิดปิดบังท่านป้า ก็ขอให้เชื่อใจคนที่ข้ามอบหมายไว้ใจให้นำสารฉบับนี้มาให้ด้วยเถอะครับ

ข้าจะพยายามเพื่อให้วันที่ข้าจะไปพบ และแจ้งข่าวดีให้ท่านทราบด้วยตัวข้าเองมาถึงนะครับ

จาก แคลอฮัน]

“เด็กเจ้าเล่ห์…”

นึกว่าเป็นเด็กทึ่มทื่อหัวอ่อนเสียอีก ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นจิ้งจอกเหมือนบิดาของเจ้าเสียแล้ว

เล่นทำตัวอ่อนน้อม เรียก ‘ท่านป้า’ แบบนี้ แล้วนางจะใจร้ายกับหลานชายที่กำลังป่วยได้ลงคอได้ยังไงกันล่ะ

ความโกรธเคืองเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของท่านหญิงเซอเชาว์ นางเอ่ยถามชานาเนส

“ที่ว่าจะมาแจ้งข่าวด้วยตัวเอง มันหมายความว่ายังไงกัน”

“เรื่องนั้น…”

ชานาเนสพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกสับสนเอาไว้ถึงแม้จะไม่เผยความรู้สึกออกมา แต่นางเองก็กำลังพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ได้เท่ากับท่านหญิงเซอเชาว์

ในตอนที่นางกำลังเตรียมตัวจะไปพบแคลอฮันหลังจากทราบข่าวว่าเขาเป็นโรคเทรนด์บลู ฟีเรนเทียก็แวะมาหานางและส่งสารของแคลอฮันให้ พร้อมกับขอร้องให้นางช่วยเดินทางมาหาท่านหญิงเซอเชาว์

‘ไม่ใช่ในฐานะพี่สาวของท่านพ่อ แต่ช่วยไปพบในฐานะชานาเนส ลอมบาร์เดียให้ทีนะคะ’ พร้อมกับคำขอร้องเช่นนั้น

“นักเรียนทุนคนหนึ่งของลอมบาร์เดียที่เป็นนักวิจัยได้คิดค้นยารักษาโรคเทรนด์บลูขึ้นมาได้พอดี และได้นำมันมาให้ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าแคลอฮันจะหายดีได้อย่างนั้นหรือ”

“กำลังรักษาตัวอยู่ค่ะ”

เรื่องไม่อาจโกหกคนอื่นได้ พี่สาวน้องชายอย่างชานาเนสกับแคลอฮันต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน

ท่านหญิงเซอเชาว์หรี่ตามองชานาเนส

“หากข้าเชื่อใจและรอคอย แต่ความเชื่อใจนั่นมันกลับแทงเข้าที่ฝ่าเท้าของข้า พวกเจ้าจะทำยังไงล่ะ ทางอังเกนัสเองก็ดูพร้อมใจที่จะจับมือกับเซอเชาว์ของข้าอยู่เหมือนกันนะ”

ว่าแล้วเชียว

ชานาเนสกำหมัดแน่น เมื่อมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่นางคาดการณ์เอาไว้เป็นเรื่องจริง

“ท่านป้าคะ แคลอฮันอาจจะเป็นน้องชายของข้า แต่ก็เป็นเด็กที่มีนิสัยตรงไปตรงมาโกหกคนอื่นไม่เป็นจนเรียกว่าทึ่มทื่อเลยก็ได้ค่ะ หากเขามีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่านี้สักหน่อยก็คงดี แต่เพราะเป็นคนที่ทำเรื่องพวกนั้นไม่เป็นน่ะสิคะ”

หลังจากที่นางทราบว่าน้องชายคนนั้นเป็นโรคร้ายก็เพิ่งจะผ่านมาได้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ทว่าตอนนี้ไม่มีเวลาให้ชานาเนสมานั่งเสียใจหรือตื่นตระหนกอะไรทั้งสิ้น

การจัดการงานที่แคลอฮันไหว้วานให้สำเร็จลุล่วง เป็นเพียงเรื่องเดียวที่นางจะช่วยเหลือน้องชายที่นอนป่วยติดเตียงได้

“ข้าเชื่อว่าตอนนี้แคลอฮันเองก็กำลังพยายามทำอย่างเต็มที่ เพื่อเอาชนะโรคร้ายค่ะ แต่ถ้าหากแคลอฮันไม่อาจรักษาสัญญาได้…”

ชานาเนสนึกถึงคำพูดของหลานสาวตัวน้อยขึ้นมา

‘ไม่ใช่ในฐานะพี่สาวของท่านพ่อ แต่ช่วยไปพบในฐานะชานาเนส ลอมบาร์เดียให้ทีนะคะ’

หรือเด็กคนนั้นจะคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ว่าอาจจะมีสถานการณ์ที่เธอต้องกล่าวเช่นนี้เกิดขึ้น

ชานาเนสยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อตัวนางเผลอคิดเรื่อยเปื่อยไปเสียได้และมองหน้าสบตาท่านหญิงเซอเชาว์ตรงๆ ในขณะที่พูดขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]