คำพูดของเฟเรสที่บอกว่ารวบรวมหนังสือ ‘มากที่สุดเท่าที่จะหาได้’ เป็นความจริง
“หนังสือพวกนี้ไปหามาจากที่ไหนกันเนี่ย”
“เอามาจากห้องสมุดของราชวงศ์จากวังส่วนกลาง ส่วนหนังสือสมุนไพรพวกนี้เป็นของที่เดิมทีข้ามีอยู่แล้ว”
ท่าทางยามเปิดหน้ากระดาษหนังสือต่อไปไม่หยุดในขณะที่กำลังตอบนั่นดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการทำเช่นนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว
จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ เธอจึงเอ่ยถามเฟเรส
“เฟเรสหรือว่าเจ้า ที่ผ่านมาศึกษาเรื่องยารักษาโรคเทรนด์บลูคนเดียวมาตลอดเลยเหรอ”
เธอเห็นหมดแล้วว่าไหล่ของเฟเรสสะดุ้งเฮือกใหญ่
และการที่เขาไม่ตอบอะไรก็ถือว่าเป็นหลักฐานมัดตัวจนดิ้นไม่หลุด
เพราะเฟเรสเป็นคนที่เลือกที่จะไม่พูดอะไร แทนที่จะพูดโกหกกับเธอยังไงล่ะ
“ขอบใจนะ”
“…”
ใบหูของเฟเรสที่นั่งเปิดหนังสืออ่านโดยไม่พูดอะไรขึ้นสีแดงก่ำ
ฟีเรนเทียหัวเราะโดยไม่มีเสียง หยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้
ใช่แล้ว การมอบหมายทุกอย่างไว้ที่เอสทีร่าคนเดียว โดยที่ตัวเองเอาแต่ดีดดิ้นทั้งๆ ที่ไม่ลงมือทำอะไรเลยนั่น มันไม่เข้ากับนิสัยของเธอเลยสักนิด
เพื่อที่จะตามหาส่วนผสมอย่างสุดท้ายของยารักษาโรคเทรนด์บลู การทำอะไรสักอย่างมันช่วยให้รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
ในระหว่างที่พวกเราใช้เวลาอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด แคทเธอรีนกับคาอิลรัสเองก็สลับกันนำเครื่องดื่มกับของว่างมาให้
“โอ๊ย เอวข้า”
ผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้วเนี่ย
เธอปวดเอวจนรู้สึกราวกับเอวจะหัก จึงเงยหน้าขึ้นมามอง
เข้าสู่ช่วงบ่ายแล้ว
หันหน้าไปมองเฟเรสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เด็กนี่ยังคงไม่ละสายตาไปจากหน้ากระดาษ
ด้านข้างมีหนังสือที่อ่านจบแล้ววางกองเป็นภูเขาขนาดย่อม
เธอไม่อยากรบกวนสมาธิของเฟเรส จึงหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง แต่แล้วในตอนนั้นเอง
“ออกไปกันสักครู่มั้ย”
จู่ๆ เฟเรสก็กำลังมองหน้าเธอ
“สวนนี่เหมาะกับการเดินเล่นมากทีเดียว”
แตกต่างจากคำชื่นชมอันแสนจืดชืดของเฟเรส สวนของวังโฟอิรัคนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ราวกับรู้ว่าเจ้าของวังแห่งนี้แวะเข้าไปยังสวนอยู่บ่อยๆ รอบทางเดินมีทั้งดอกไม้นานาชนิด ทั้งต้นไม้ถูกปลูกเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ
“อ๊ะ ดอกไม้นี่…ดอกไม้ที่คราวก่อนเจ้าส่งมาให้ข้าไม่ใช่เหรอ”
ฟีเรนเทียชี้ไปยังดอกสีแดงที่หน้าตาดูคุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนพลางเอ่ยถาม
“อื้อ ใช่แล้วละ ดอกบอมเนีย”
“มันคนละฤดูกับตอนที่เจ้าส่งดอกไม้นี่มาให้แล้วนี่นา”
“มันบานเมื่อตอนฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา แต่ไม่รู้ทำไมดูเหมือนปีนี้จะบานอีกครั้ง”
“เหรอ น่าทึ่งจัง บานสองครั้งในปีเดียว”
เธอเดินเข้าไปสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ดอกนั้น
ตุบ
เฟเรสเด็ดดอกบอมเนียส่งให้เธอหนึ่งดอก
เธอเด็ดกลีบดอกไม้รสหวานใส่ปากหนึ่งกลีบ พลางถามเขาไปด้วย
“ถ้าเดินไปตามทางเส้นนี้จะเจออะไรเหรอ”
“สวนวังส่วนกลาง”
“อย่างนั้นนี่เอง…”
ได้ขยับกายสักหน่อยแบบนี้แล้ว ค่อยรู้สึกหัวสมองปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง
เดินเล่นได้สักพักก็เริ่มมองเห็นสวนที่เฟเรสพูดถึงอยู่ลิบๆ ที่ปลายทางเดินรวมถึงคนที่ไม่อยากเจอหน้าซึ่งดันออกมาเดินเล่นในสวนพอดีด้วย
“กลับกันเถอะ”
“อื้อ”
เฟเรสเองก็ขมวดคิ้วแน่นจนหน้าผากย่นด้วยความรำคาญใจในขณะที่ตอบ
พวกเราหันหลังหมุนตัวกลับ ตั้งใจจะเดินกลับไปยังเส้นทางที่เดินมาในทันที
“เฮ้ พวกเจ้าสองคนตรงนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...