เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

เพราะเธอไปตบหน้าอาสทาน่า จึงทำให้โดนท่านปู่สั่งลงโทษกักบริเวณหนึ่งเดือน

แน่นอนว่าไม่ได้โดนดุอะไรมากหรอก

แถมเธอยังต้องลำบากห้ามท่านปู่ ขัดขวางไม่ให้ท่านวิ่งไปเตะอาสทาน่าด้วยซ้ำ

อันที่จริงก่อนจะถึงวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปี เธอก็ไม่ได้รับอิสระให้ออกนอกคฤหาสน์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันก็เหมือนกับไม่ได้รับบทลงโทษอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ

ได้ยินว่าอาสทาน่าที่ชอบเที่ยวเตร่ไปโน่นนี่อยู่ทุกวันเองก็โดนโทษกักบริเวณถึงสองเดือนคงจะทรมานน่าดู

เธอนั่งอยู่ในห้องหนังสือของเธอ กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรที่ขอยืมมาจากเฟเรส

ในเมื่อเธอเองก็ไม่ได้มีความรู้ด้านนี้อยู่ก่อน เธอจึงไม่คาดหวังหรอกว่ามานั่งอ่านหนังสือแบบนี้แล้วจะค้นพบในสิ่งที่ขนาดเอสทีร่าเองยังไม่อาจค้นพบได้

แต่เป็นเพราะหากได้ลงมือทำอะไรเพื่อหายารักษาท่านพ่อ เธอก็คงจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

พรึบ พรึบ

แต่แล้วในตอนที่เธอนั่งเท้าคางพลิกหน้ากระดาษหนังสือ

“หืม? ดอกบอมเนีย? เจ้านี่ก็เอามาใช้เป็นสมุนไพรได้ด้วยเหรอเนี่ย”

เธอหยุดอ่านคำอธิบายบนรูปวาดดอกไม้ที่คุ้นเคย

“ ‘บอมเนีย’ เป็นพืชที่เติบโตเฉพาะทางตอนใต้ของทวีป ดอก ใบ และราก มีประสิทธิภาพอันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปเฉพาะส่วน…”

ปลายนิ้วของเธอที่ลากผ่านตัวหนังสือข้ามส่วนที่ไร้ความหมายไปหยุดชะงัก

“ดังนั้นประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของบอมเนีย จะปรากฏขึ้นยามที่ใช้ดอก ใบ และรากพร้อมกัน ถึงแม้ไม่อาจทราบได้ถึงกระบวนการทางเคมีที่แน่ชัดแต่บอมเนียจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเสถียรในการผสมสมุนไพรหลากชนิดเข้าด้วยกัน…”

พืชที่เดิมทีเติบโตอยู่ในแถบทางใต้เท่านั้น

และเอสทีร่าที่ลาพักร้อนเดินทางกลับบ้านเกิดในชีวิตก่อน

ราวกับชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ประกอบติดกันเป็นรูปร่าง

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องหนังสือก็ถูกเปิดออกพรวด ก่อนที่เอสทีร่าจะเดินเข้ามา

ดูจากเสียงหอบแฮกและเหงื่อที่ไหลอาบท่วม ท่าทางคงจะวิ่งมาจนถึงที่นี่แน่

“ทะ…ท่านย่าตอบกลับมาแล้วค่ะ…ในบรรดาดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ทั่วไปแถวหมู่บ้าน…!”

“บอมเนีย?”

“ทะ…ทราบได้ยังไงคะ”

ว่าแล้วเชียว

วัตถุดิบอย่างสุดท้ายของยารักษาคือบอมเนียนี่เอง

เอสทีร่ามองเธอที่กำลังยิ้มเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“ตะ…แต่บอมเนียเติบโตเฉพาะทางใต้ มันเป็นดอกไม้ป่า แล้วนี่ก็เลยช่วงฤดูกาลที่มันจะบานไปแล้ว…”

“ไม่ ข้ารู้จักสถานที่ที่มีดอกบอมเนียบานอยู่”

ที่สวนประจำวังโฟอิรัคมีดอกบอมเนียสีแดงสดบานอยู่ มีอยู่แน่ๆ

ฟีเรนเทียรีบวิ่งเข้าไปที่โต๊ะหนังสือ เขียนจดหมายอย่างรวดเร็ว

ผู้รับคือเฟเรส

ถึงแม้อยากจะวิ่งไปยังวังโฟอิรัค ขุดเอาบอมเนียมาด้วยตัวเองอย่างที่ใจอยากก็เถอะ

แต่เพราะตอนนี้เธอถูกกักบริเวณอยู่ เลยไม่อาจเข้าวังได้

ไอ้เฮงซวยอาสทาน่า!

เธอเขียนลงไปหวัดๆ บอกว่ายารักษาของท่านพ่อจำเป็นต้องใช้บอมเนีย และจะต้องใช้ทั้งดอก ใบ และรากทั้งหมด

มือของเธอสั่นเทาไม่หยุดยามพับกระดาษจดหมาย

ฟีเรนเทียรู้สึกดีใจได้แค่ครู่เดียวเท่านั้นที่หาชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายเจอหลังจากนั้นความกระวนกระวายใจมันเข้าครอบงำเธออีกครั้ง

ถ้าหากในเวลาแค่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ดอกบอมเนียมันร่วงโรยไปหมดแล้วล่ะ จะทำยังไงดี

เฟเรสเองก็เคยบอกกับเธอ

ว่ามันเป็นดอกไม้ที่เดิมทีไม่ได้บานในฤดูนี้

ได้โปรด ได้โปรดเถอะ

เธอส่งจดหมายไปโดยที่เฝ้าสวดภาวนาด้วยความสิ้นหวัง

กลางดึกมาถึง เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมา

ฟีเรนเทียเหม่อมองด้านนอกที่พายุเข้า เฝ้ามองยามค่ำคืนที่มืดมิดโดยไม่หลับไม่นอน

“ให้ตายเถอะ ให้ตาย”

เสียงสายฝนกระทบลงบนหน้าต่างกับเสียงเธอกัดปลายเล็บดังขึ้นผสานกัน

ถ้าดอกบอมเนียร่วงหมดเพราะฝนนี่ จะทำยังไงดี

ครั้งสุดท้ายที่เห็นก็ผ่านมาได้หลายวันแล้วด้วย

ถ้าหากแม้แต่ดอกที่เหลือยังร่วงหมดต้นละก็

ในใจของเธอตอนนี้มันร้อนรนไปหมด

ในตอนนั้นเอง

“นั่นรถม้าเหรอ”

เธอที่กำลังแนบหน้าลงบนหน้าต่างแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง

รถม้าคันหนึ่งวิ่งฝ่าพายุฝนที่โหมกระหน่ำตกลงมาราวกับคมหอกมันกำลังเคลื่อนตัวมายังปีกคฤหาสน์ที่เธออาศัยอยู่

ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนทำให้ภาพด้านนอกพร่ามัว เธอมองเห็นสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ติดอยู่บนนั้นครู่หนึ่ง

หรือว่า

เธอวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยความตกใจ

ปัง ปัง ปัง

เสียงอะไรบางอย่างหนักๆ เคาะประตูเสียงดังลั่น พร้อมกับพ่อบ้านประจำปีกคฤหาสน์หลังรองเองก็กำลังถือโคมไฟเดินเข้าไปใกล้

แอ๊ด

ประตูที่ถูกปิดแน่นสนิทตลอดคืนถูกเปิดออกส่งเสียงดังลากยาว

เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยสภาพเปียกฝนไปทั้งตัว

“เฟเรส?”

เมื่อเห็นเธอเฟเรสจึงหยิบเอาอะไรบางอย่างที่เขาทะนุถนอมมันเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างล้ำค่าออกมา

มันเป็นกล่องไม้กล่องใหญ่

แกรก

พอเปิดฝาออก เสียงฝากล่องกระทบกับตัวกล่องเล็กน้อยก็ดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นดินชุ่มน้ำฝนที่ส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่ว

ข้างในกล่องมีดอกไม้สีแดงเปรอะโคลนที่ยังมีสภาพดีจนถึงรากใส่อยู่

“ดอกบอมเนีย เอามาให้แล้ว”

เฟเรสยิ้มกว้างด้วยใบหน้าขาวซีดเพราะตากฝน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]