เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

งานเลี้ยงวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปีของฟีเรนเทียเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ทั่วโถงงานเลี้ยงของลอมบาร์เดียเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย

ตอนวันเกิดอายุครบแปดปีของเธอเองก็จัดงานปาร์ตี้ที่ค่อนข้างใหญ่โต แต่ครั้งนี้ขนาดของงานมันใหญ่กว่าเมื่อตอนนั้นเป็นเท่าตัว

หากจะมีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ก็คงจะเป็นเมื่อสมัยนั้นท่านปู่เป็นคนตั้งใจพาคนมาร่วมงานของเธอ แต่ครั้งนี้ผู้คนที่อยากมางานของเธอด้วยตัวเองมีมากขึ้น ทำให้ขนาดของงานปาร์ตี้เองก็ใหญ่ขึ้นไปด้วยตามธรรมชาติ

ถึงทุกคนจะเป็นแขกของท่านพ่อกับท่านปู่ก็เถอะ แต่เธอไม่สนใจเรื่องนั้นนักหรอก

“อ๊ะ! คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียนี่นา!”

“เดรสชุดนั้น หรือว่าจะเป็นตัวใหม่ที่กำลังจะวางขายแบบลิมิเต็ดกัน”

“สุขสันต์วันเกิดค่ะ คุณหนู! วันนี้ก็งามมากเลยนะคะ!”

ผู้คนที่รู้จักเธอเองก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นไปด้วย

“สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่มาร่วมงานกันนะคะ!”

เธอยิ้มให้คนพวกนั้นอย่างชำนาญ ในขณะที่มองไปรอบๆ งานปาร์ตี้

น้ำจากลานน้ำพุขนาดใหญ่ในสวนที่อยู่ติดกับงานเลี้ยงกำลังไหลวนและข้างๆ ลานน้ำพุนั่น มองออกไปเห็นท่านพ่อกำลังสนทนากับคนอื่นๆ อย่างมีชีวิตชีวา

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ!”

ท่าทางดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าสมัยก่อนหน้าที่จะป่วยเป็นโรคเสียอีก

นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นส่องประกายวาววับทุกการเคลื่อนไหว ราวกับลอบสำรวจอีกฝ่ายที่ตนกำลังสนทนาอยู่

การสนทนากับคนอื่นๆ ในขณะที่ยิ้มอย่างผ่อนคลายนั่น ดูแล้วเชี่ยวชาญมากขึ้นอยู่เหมือนกัน

เพราะอย่างนั้นผู้คนมากมายถึงได้มายืนรายล้อมอยู่ข้างกายท่านพ่อ ทุกคนต่างก็กำลังตั้งใจฟังคำหยอกล้อทุกคำของท่านพ่อกันอยู่

“สุขสันต์วันเกิด!”

“แม่จ๋า!”

อยู่ๆ ก็มีอะไรขนฟูๆ สีขาวโผล่พรวดเข้ามาอยู่ข้างใบหน้า

“คิลลีวู! เมโลน! ตกใจหมด!”

สองแฝดยิ้มล้อเลียน ถือตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่เดินเข้ามา

“ฮี่ๆ”

“ตกใจอะไรกับของแค่นี้เนี่ย เทีย”

สองคนนี่เริ่มโตขึ้นทุกวี่ทุกวัน คงเป็นเพราะตอนนี้เข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่มกันอย่างเต็มตัวแล้ว

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ กลับมาในรอบหนึ่งเดือนหรือเปล่าเนี่ย”

“อื้อ ประมาณนั้นได้มั้ง”

“เบื่อจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

ประมาณหนึ่งเดือนก่อน ทั้งสองคนไปอยู่ที่เขตแดนของตระกูลชูลส์เพื่อตามเวสตินผู้เป็นพ่อกลับไปใช้เวลาที่บ้านฝ่ายบิดาตลอดช่วงวันหยุดระยะยาว

“รอบๆ ไม่มีอะไรเลย”

“บรรยากาศก็เลือดเย็นสุดๆ”

“บรรยากาศเลือดเย็น?”

สองแฝดทำท่าประหลาดตอบคำถามของเธอพร้อมกัน

“ก็คิดอยู่หรอกว่าท่านพ่อเป็นคนมีนิสัยเข้มงวดมาก แต่ไม่ใช่เลย”

“ท่านพ่อน่ะ เทียบกับญาติพี่น้องทางนั้นแล้ว ถือว่าเป็นคนอ่อนโยนไปเลยละ”

“เป็นไปไม่ได้สุดๆ”

“โดยเฉพาะเวลากินข้าวนะ มีแต่เสียงช้อนส้อมกระทบกันดังเคร้งคร้างเท่านั้นแหละ ทั้งๆ ที่มีคนตั้งหลายสิบคนกินข้าวพร้อมกันแท้ๆ!”

“นึกว่าจะขาดอากาศหายใจตายแล้วเนี่ย”

คงจะเก็บกดน่าดู ทั้งคู่ปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจทั้งหลายออกมาหมดอย่างไม่หยุดหย่อน

“ถ้าลำบากขนาดนั้น ก็น่าจะกลับมากลางคันสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องอยู่ตลอดทั้งเดือนเลย”

ถึงยังไงตระกูลชูลส์ก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไรขนาดนั้น

เมื่อไม่นานมานี้สองแฝดเองก็อายุครบสิบห้าปีแล้ว มันจึงไม่ใช่ระยะทางที่ยากลำบากอะไร หากพวกเขาจะออกเดินทางกันด้วยรถม้า

แต่ปฏิกิริยาของคิลลีวูกับเมโลนกลับดูแปลกประหลาดไปเล็กน้อยสองคนนั่นเอาแต่เหลือบมองกันและกันก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

“เอาละ รีบๆ รับของขวัญวันเกิดไปเลย!”

“นี่หมีที่พวกเราซื้อมาจากช่างฝีมือของเขตแดนชูลส์เลยนะ!”

“อืม”

ถึงแม้จะน่าสงสัยสุดๆ แต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะยอมปล่อยผ่านไปก่อนก็แล้วกัน

เธอรับตุ๊กตาหมีมาถือไว้

ขนมันฟูนุ่มนิ่มเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจอะไรมากขนาดนั้น

สองแฝดนี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สักหน่อยว่า แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรในตุ๊กตานัก แล้วทำไมถึงได้ให้ของขวัญแบบนี้กันล่ะเนี่ย

พอเห็นว่าเธอเหม่อมองตุ๊กตาหมีในมือนิ่ง เมโลนก็เอ่ยถามเสียงเจ้าเล่ห์

“เป็นไง ถูกใจตุ๊กตาหมีมั้ย”

“อื้อ ก็นะ…ขอบใจก็แล้วกัน”

แต่เธอก็ไม่ใช่คนไร้มารยาทขนาดบ่นเรื่องของขวัญที่ได้รับหรอก

แต่คิลลีวูกลับชกไหล่เมโลนในขณะที่เอ่ยพูดกับเขา

“ดูสิ! บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าเทียไม่บ่นอะไรหรอก! ใจดีเกินกว่าจะพูดแบบนั้นไง?”

“อ่า นึกว่ายังไงก็จะต้องโยนตุ๊กตาหมีทิ้งแน่ๆ เสียอีก! เจ้าใจดีเกินไปแล้วนะ เทีย!”

คิลลีวูยังคงหัวเราะไม่หยุด ส่วนเมโลนกุมหัวด้วยความเสียดาย

ดูเหมือนสองคนนี่จะพนันเรื่องปฏิกิริยาของเธอว่าได้รับตุ๊กตาหมีแล้วจะเป็นยังไงสินะ

เมโลนถอนหายใจ ก่อนจะพูด

“เทีย ถ้าไม่อยากไปไหนก็ต้องปฏิเสธออกมาชัดๆ ว่าไม่อยากไปนะ เจ้าน่ะมีปัญหาเรื่องคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นมากเกินไปนี่แหละ”

เธอเนี่ยนะ?

ตรงไหนกัน

“เจ้าใจดีเกินไป”

ตอนนี้แม้แต่คิลลีวูเองก็เออออกับเขาด้วย

“ไม่มีทางที่ของขวัญของพวกเราจะเป็นไอ้นี่หรอก!”

“ต้องคาดหวังในของที่ใหญ่กว่านี้สิ!”

“ของที่ใหญ่กว่ามันอะไรกันล่ะ”

พวกนั้นเอาแต่แสยะยิ้มไม่ยอมตอบคำถามของเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]