เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

“เทียอยากได้อะไรล่ะ”

“ข้า?”

ถ้าให้บอกว่าอยากได้อะไรบ้าง นับทั้งคืนก็ไม่หมดหรอก

ฟีเรนเทียเหม่อมองท่านพ่อที่กำลังสนทนากับผู้คนรอบข้างอย่างสนุกสนาน

“วันนี้คงจะปรารถนาอยากได้อะไรอีกไม่ได้แล้วละ”

แค่การที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ในวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปีของเธอ

และวันนี้ที่เคยต้องฉลองอยู่ตามลำพังในชีวิตก่อน กลับกลายเป็นวันที่สนุกสนานแบบนี้ มันก็มากพอแล้ว

“มีแบบนั้นที่ไหนกัน!”

เมโลนลูบผมเธอเบาๆ ในขณะที่หัวเราะร่า

“ไว้จะซื้อของขวัญของจริงให้นะ ออกไปกับพวกเราเถอะ”

“ใช่แล้วละ ในเมืองลอมบาร์เดียเองก็มีที่สนุกๆ อยู่ตั้งเยอะเลย”

“แต่ถ้าเทียออกไปคนเดียวมันอันตราย ต้องไปกับพวกเรานะ!”

รู้ได้ยังไงกันเนี่ยว่าต่อไปเธอตั้งใจว่าจะไปไหนมาไหนคนเดียว

“เทีย?”

เมโลนหรี่ตามองเรียกเธอ

อา ใช่แล้ว

เด็กนี่ค่อนข้างมีเซนส์แรงพอตัวอยู่เหมือนกัน

เธอรีบพยักหน้าตกลงอย่างรวดเร็ว

“พูดเผื่อไว้ก่อน ห้ามไปไหนคนเดียวเด็ดขาดเลยนะ”

คิลลีวูทำท่าราวกับเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่ามากในขณะที่เอ่ยพูดกับเธอ

“พวกเจ้าเป็นยังไงกันบ้าง”

เสียงราบเรียบแผ่วเบาดังขึ้นถามสองแฝด

“สวัสดี ลาลาเน่”

“สุขสันต์วันเกิดนะเทีย ของขวัญของข้าวางไว้รวมกับของขวัญของคนอื่นๆ ทางด้านโน้นน่ะ มันเป็นมงกุฎสวยมากเลย”

“ขอบใจนะ จะใช้อย่างดีเลย!”

“และก็คิลลีวู เมโลน ข้าว่าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่ใช่คนที่สมควรจะแนะนำเทียแบบนั้นหรอกนะ”

ลาลาเน่พูดด้วยความเหนื่อยใจ

“ไม่นะ ทำไมล่ะ”

“พวกคนที่แทบจะไม่อยู่ติดคฤหาสน์ ควบม้าออกไปเที่ยวบนทุ่งหญ้าตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นมาตลอดหลายเดือนหลังจากงานปาร์ตี้วันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปีในทันที มันใครกันล่ะ”

“ฮึ่ย!”

ถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นเสียงสูงตำหนิอะไรรุนแรงนัก แต่สองแฝดก็ไม่สามารถโต้เถียงอะไรลาลาเน่ได้อยู่ดี

ฟีเรนเทียหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ลาลาเน่เองก็สวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย อิจฉาจัง”

เธอไม่ได้พูดไปเฉยๆ หรอกนะอีกแค่สองปีลาลาเน่ก็จะเติบโตเป็นสาวแล้ว นางกำลังเบ่งบานอย่างงดงามมากขึ้นทุกวันๆ จริงๆ

แค่มองจากตอนนี้ก็เห็นแล้วว่า สายตาของพวกผู้ชายรุ่นเดียวกันที่มาร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของเธอ ต่างก็ไม่อาจละห่างออกไปจากลาลาเน่ได้เลย

ติ่งหูทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อ เห็นได้ชัดเลยว่าเด็กผู้ชายพวกนั้นต่างก็หลงรักลาลาเน่กันทั้งนั้น

นางช่างเหมือนกับดอกลิลี่สีขาวบริสุทธิ์จริงๆ

สะอาดบริสุทธิ์ดูอ่อนแอน่าทะนุถนอม กลัวที่จะเผลอทำให้บอบช้ำ แต่ในขณะเดียวกันก็อยากปกป้อง นางเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น

“คนอื่นๆ ก็บอกแบบนั้นบ่อยๆ เหมือนกัน…ข้าไม่รู้ตัวเลยจริงๆ”

ใบหน้าขาวเนียนใสของลาลาเน่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงก่ำ

ขนาดโดนชมแบบนี้ ก็ยังเป็นลอมบาร์เดียที่ไม่มีภูมิต้านทานในคำเยินยอ

คงจะเป็นปัญหาด้านนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้วละ

“แต่เทียพูดแบบนี้น่าดีใจจัง เทียเองก็เริ่มสวยขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกันนะ”

“ใช่แล้วละ! เทียเจ๋งที่สุดเลย!”

ใบหน้าเล็กยื่นโผล่พรวดออกมาจากด้านหลังของลาลาเน่

ผมสีส้มอมแดงเหมือนสีแครอต ใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยกระสีจาง น้องชายอายุเก้าขวบของอาสทัลลีอู เครนีย์นั่นเอง

หลังจากที่เผชิญหน้ากับปัญหาหนัก เพราะแอบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ลอบฟังบทสนทนาของเธอกับเฟเรส ไม่รู้ทำไมหลังจากนั้นเครนีย์ถึงได้กลายมาเป็นแฟนคลับของเธอเสียได้

“เทียเจ๋งที่สุด!”

เครนีย์วิ่งเข้ามาสวมกอดเอวของเธอเอาไว้

และนัยน์ตากลมโตที่ช้อนขึ้นมองเธอนั้น ให้ความรู้สึกราวกับเขากำลังถือแท่งไฟเขย่าอยู่ในมือหลายแท่งเลยละ

“เครนีย์ ทำแบบนั้นกับเทียไม่ได้นะ ที่นี่มีแขกเหรื่อตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ”

ลาลาเน่เกลี้ยกล่อมอธิบายให้เครนีย์ฟังอย่างอ่อนโยน ทำให้เขายอมผละห่างออกไปจากเธอ

“งื้อ…แต่เทียยุ่งมากเลย นี่ก็เพิ่งได้พบหน้าในรอบหนึ่งอาทิตย์เชียวนะ”

ใบหน้าเปรอะเลอะไปด้วยน้ำตานั่น ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นแปลกๆ นะ

เหมือนเคยเห็นหน้าตาแบบนี้ที่ไหนอยู่บ่อยๆ เลย

แต่สองแฝดก็เริ่มพร่ำบ่นอยู่ข้างกายเครนีย์

“ใช่แล้วละ ช่วงนี้เทียยุ่งมากเลย”

“เอาแต่อยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาเลย”

อา พวกนายนี่เอง

ก็คิดอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหน ถอดแบบมาจากสองแฝดที่จู่ๆ ก็เที่ยวตามหลังเธอต้อยๆ นี่เอง

เธอลอบถอนหายใจเสียงแผ่วในใจ เอ่ยพูดกับเครนีย์

“เครนีย์ เจ้าอ่านหนังสืออาทิตย์ละเล่มตามที่สัญญาไว้หรือเปล่า”

“อื้อ! อ่านหนังสือที่ตอนนั้นยืมมาจากเทียจบหมดแล้วละ! ขอแวะไปยืมอีกได้มั้ย”

“ดีเลย งั้นข้าอนุญาตให้ต่อไปมายืมหนังสือที่ห้องหนังสือของข้าได้ก็แล้วกัน”

“ว้าว น่าตื่นเต้นจังเลย! จะอ่านหนังสือเยอะๆ เลยนะ!”

การอบรมสั่งสอนน่ะ ต้องอบรมกันตั้งแต่เด็กถึงจะดีที่สุด

เธอลูบหัวของเครนีย์

เครนีย์เป็นเด็กฉลาดเรียนรู้ได้ไวจนแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นน้องชายของอาสทัลลีอู ที่ในหัวสมองมีแต่กล้ามเต็มไปหมด

เพราะข่าวสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนจะย้อนเวลากลับมา คือข่าวว่าหลังจากเข้าเรียนที่อะคาเดมีประจำอาณาจักร เขาก็แสดงให้เห็นถึงความฉลาดเฉลียวออกมา

น่าเสียดายจริงๆ หากตอนเด็กไม่มัวแต่ตามอาสทัลลีอูต้อยๆ เสียเวลาไปไหนมาไหนกับเบเจอร์ ก็คงจะเข้าศึกษาที่อะคาเดมีได้โดยเตรียมตัวพร้อมมากกว่านั้น

แต่ชีวิตใหม่นี้ แปลกดีที่เครนีย์เริ่มไล่ตามหลังเธอมากกว่าอาสทัลลีอูผู้เป็นพี่ชาย ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว เธอเลยตั้งใจว่าจะช่วยเหลือเครนีย์สักหน่อย

ในเมื่อตั้งใจจะช่วยเปลี่ยนอนาคตของเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่รู้ชะตาตัวเองอยู่แล้วเธอเองก็ไม่มีเหตุผลให้แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเครนีย์ที่ยังไงก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ทั้งยังตามเธอต้อยๆ คนนี้นี่นะ

ใบหน้ายามหัวเราะชอบใจเสียงดัง ‘แหะๆ’ ตอนที่เธอลูบหัวมันช่างน่ารักมากทีเดียว

แต่จู่ๆ ก็ต้องเงยหน้าขึ้น

“อ๊ะ?”

เด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านข้างเธอไป เขาเดินผ่านไปเฉยๆ ไม่ทันได้รู้ตัวว่าทำผ้าเช็ดหน้าตก

“นี่!”

เสียงเรียกของเธอทำให้เด็กผู้ชายคนนั้นหันหลังกลับมา

“ทำไอ้นี่ตกไว้น่ะ”

เด็กผู้ชายอายุประมาณสองแฝดมองเธอสลับกับผ้าเช็ดหน้าของตัวเองที่เธอถือไว้ ก่อนที่ใบหน้าจะขึ้นสีแดงก่ำ

“ขะ…ขอบคุณครับ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”

พวกเด็กๆ ที่สนใจลาลาเน่เมื่อครู่นี้ก็เป็นเหมือนกัน เด็กนี่ก็ใบหน้าแดงเหมือนคนอื่นๆ

เธอส่งยิ้มให้แทนความหมายว่า ‘ไม่ถามหรอก ไม่ต้องกังวล’ พลางยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนกลับไปให้เขา

และปลายนิ้วของเธอกับเด็กผู้ชายคนนั้นก็สัมผัสกันเล็กน้อย

“อ๊ะ!”

เด็กชายสะดุ้งโหยงจนพลาดเผลอปล่อยผ้าเช็ดหน้า มันปลิวตกลงบนพื้นอีกครั้ง แต่แล้วในตอนที่เธอกวาดสายตามองตามมันไปโดยไม่รู้ตัวก็มีมือขาวเนียนข้างหนึ่งโผล่มาคว้าผ้าเช็ดหน้าสีขาวนั่นเอาไว้

มือหยาบกระด้างเต็มไปด้วยรอยด้านซึ่งหาได้ยากในบรรดาพวกชนชั้นสูง

“นี่”

นัยน์ตาสีแดงหลุบลงต่ำ เส้นผมสีดำเข้มส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์

“เทีย สวัสดี”

เฟเรสนั่นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]