เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

“นี่เก็บมานานแค่ไหนแล้วคะเนี่ย”

ลอรีลเดินเข้ามาใกล้ ถือถุงเงินค่าขนมของเธอ ในขณะเดียวกันก็ชั่งน้ำหนักพลางคาดเดาไปด้วย

ไม่รู้สิ ตั้งแต่ที่ย้อนเวลากลับมาเลยมั้ง

“เงินค่าขนมของข้าส่วนใหญ่ก็เข้าธนาคารลอมบาร์เดีย นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเองนะ”

“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ถ้าคิดถึงเงินค่าขนมของคุณหนูแล้ว…”

ลอรีลคลายเชือกผูกถุงเงินออก มองเช็กของข้างใน แล้วก็ต้องหยุดชะงัก

“คุณหนู?”

“หืม?”

“คิดจะถือเงินไปทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ”

ลอรีลถอนหายใจเสียงแผ่ว

บางทีคงจะคิดว่าเธอไม่ได้รู้ว่าสถานการณ์นอกคฤหาสน์เป็นยังไงบ้าง ถึงได้คิดจะเอาเงินไปเยอะจนน่าขำละมั้ง

“เอาไปแค่ครึ่งของครึ่งของเงินในถุงเงินนี่ก็…”

“ไม่ ต้องใช้ทั้งหมดนั่นเลย”

“แต่คุณหนูคะ เงินเท่านี้มัน”

“ข้ารู้ เงินเท่านี้ซื้ออาคารในเมืองลอมบาร์เดียได้เลยใช่มั้ยล่ะ ข้ารู้หรอกน่ะ”

คำพูดของเธอทำให้สีหน้าของลอรีลยิ่งดูงุนงงมากเข้าไปใหญ่

“รู้เรื่องพวกนั้นได้ยังไงคะเนี่ย”

“ทุกอย่างมันก็มีวิธีทั้งนั้นแหละ”

เห็นแบบนี้เธอเองก็มีประสบการณ์อาศัยอยู่นอกคฤหาสน์ตั้งหลายปีเชียวนะ

“เอาเป็นว่าจำเป็นทั้งหมดนั่นแหละ เอาไปให้หมดเลย”

“ถ้าจะซื้อเดรสกับอัญมณี เราใช้ตั๋วเงินลอมบาร์เดียเป็นยังไงคะ ไม่จำเป็นต้องพกเอาเงินสดติดตัวไปเยอะขนาดนี้เลย…”

“ข้าไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะซื้อเดรสกับอัญมณี”

ฟีเรนเทียส่งยิ้มบอกลอรีลให้เลิกกังวลได้แล้ว แต่ลอรีลก็ยังคงได้แต่เอียงคอด้วยความสับสน เมื่อยังไม่อาจคาดเดาความตั้งใจที่แท้จริงของเธอได้อยู่ดี

“ในที่สุดก็ได้ออกมาเสียที”

ฟีเรนเทียใส่เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันโดยไม่ตกแต่งอะไรเพิ่มเติม แล้วขึ้นรถม้านั่งออกมาจากคฤหาสน์

ที่ผ่านมาเคยนั่งรถม้าเข้าวังไปพร้อมกับท่านพ่อหรือท่านปู่บ้างก็จริง แต่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาคนเดียวแบบนี้

ไม่สิ ไม่ใช่คนเดียว

“ในที่สุดวันที่ได้ออกมาข้างนอกพร้อมคุณหนูก็มาถึงแล้วเหรอเนี่ย!”

เธอมากับลอรีลที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าเธอเสียอีก

“ก่อนอื่นเราไปจัตุรัสลอมบาร์เดียกันเถอะ”

พอลอรีลถ่ายทอดคำสั่งของเธอให้แก่สารถี รถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ

ทัศนียภาพคุ้นเคยนอกหน้าต่างเริ่มผ่านหน้าผ่านตาไปเรื่อยๆ

จากคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย วิ่งออกมาตามถนนผ่านไปได้ไม่นาน ก็มาถึงจัตุรัสซึ่งเป็นสถานที่ปลายทางที่แรกของพวกเราในวันนี้

“คุณหนู ก้าวลงมาระวังๆ นะคะ!”

ลอรีลเป็นฝ่ายก้าวลงไปก่อน แล้วหันมาช่วยประคองมือของเธอเอาไว้

“ว้าว”

ความรู้สึกยามได้เดินในจัตุรัสที่ไม่ได้แวะมาเสียนาน มันให้ความรู้สึกดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลย

“สวยจัง”

ทั้งจัตุรัสที่ผู้คนเดินไปเดินมาอย่างยุ่งวุ่นวาย ทั้งอนุสรณ์ผู้ก่อตั้งลอมบาร์เดียที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ทุกอย่างมันดูยิ่งใหญ่กว่าในความทรงจำของเธอมากเหลือเกิน

อันที่จริงเทียบกับคฤหาสน์ลอมบาร์เดียที่ทั้งเงียบทั้งเป็นระเบียบแล้ว มันไม่ใช่ทัศนียภาพที่สวยงามอะไรขนาดนั้นหรอกแต่รถม้ามากมายที่ขับเคลื่อนผ่านไปผ่านมา ฝุ่นดินตลบคลุ้ง เสียงผู้คนมากมายที่ส่งเสียงพูดคุยจอแจ มันให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา

ฟีเรนเทียสูดอากาศในจัตุรัสที่ยุ่งวุ่นวายเข้าลึกเต็มปอดพลางพูดขึ้น

“พวกเราไปทางนั้นกันเถอะ”

เธอจับมือของลอรีล ลากไปยังถนนอีกฝั่งของจัตุรัส

“ทางนั้นมีอะไรเหรอคะ คุณหนู”

“อื้อ ร้านขนมปังที่อร่อยที่สุดในโลกไง”

พวกเราหลบจากถนนใหญ่ เดินเข้าไปในซอยโน้นซอยนี้อย่างคุ้นเคย

ลอรีลเอาแต่มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกทึ่ง ในขณะที่พร่ำบอกว่านางเพิ่งเคยมาทางด้านนี้เป็นครั้งแรก

พอเลี้ยวผ่านหัวมุมถนนไปก็เห็นอาคารที่เธอเคยเช่าอาศัยอยู่

ห้องเล็กๆ บนชั้นสองของอาคารเก่าๆ นั่นคือบ้านของเธอ

บางทีตอนนี้คงจะมีใครคนอื่นงีบหลับทุกคืนด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า เพื่อที่จะได้มีแรงไว้ใช้ชีวิตต่อในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้

และข้างหน้าอาคารที่ว่านั่นก็มีร้านขนมปังที่เธอมักจะแวะซื้อขนมปังอบสดใหม่ทุกเช้าตั้งอยู่

เธอปล่อยมือของลอรีล รีบวิ่งเข้าไปเมื่อไม่อาจอดทนต่อกลิ่นหอมหวานของขนมปังอบใหม่ได้อีก

มองไปเห็นป้าเพอรี่ที่กำลังจัดวางขนมปังที่เพิ่งอบเสร็จออกมาพอดี

ใบหน้าดูอ่อนวัยกว่าในความทรงจำของเธอมาก แต่ยังคงเป็นใบหน้าที่อ่อนโยนและอบอุ่นเหมือนเคย

“สวัสดีค่ะ คุณป้า!”

“หืม? โอ้ สวัสดีจ้ะ เด็กน้อยเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเลยนะ ย้ายมาอยู่แถวนี้เหรอ”

ตอนที่เธอโดนขับไล่จากคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย แล้วดั้นด้นมาถึงที่นี่โดยมีกระเป๋าเพียงแค่ใบเดียวเป็นครั้งแรก ป้าเพอรี่ก็ต้อนรับเธอด้วยคำพูดเช่นนี้เหมือนกัน

ยิ้มด้วยความยินดีราวกับได้พบกับคนที่ต่อไปในอนาคตจะกลายมาเป็นเพื่อนบ้านกัน

“ข้าเทียค่ะ!”

“จ้า เทีย เรียกข้าว่าป้าเพอรี่ก็ได้นะ วันนี้เอาขนมปังอะไรดีล่ะ”

อา ในที่สุดก็จะได้กินไอ้นั่นแล้ว!

หัวใจเต้นตึ้กตั้ก

“ข้าเอาแซนด์วิชบาแก็ตต์สองชิ้นค่ะ!”

“แหม ไปได้ยินมาว่าเมนูพิเศษของบ้านเราอร่อยนี่เองสินะจ๊ะ?”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอคิดถึงแซนด์วิชที่ไม่มีอยู่ในเมนู และมีแต่คนในละแวกนี้ที่มักจะแวะซื้อกินกันเป็นประจำมากจริงๆ

“คุณหนู! วิ่งมาคนเดียวแบบนั้นได้ยังไงคะ!”

ลอรีลที่เพิ่งวิ่งตามหลังมาเอ่ยพูดทั้งๆ ที่ยังหอบแฮก

“คุณหนู?”

ป้าเพอรี่มองเธอสลับกับลอรีลด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง

อ่า นี่มันช่าง

“พี่สะใภ้ของข้าเองค่ะ! พอดีมีพี่ชายที่อายุห่างกันค่อนข้างมาก…ฮ่าๆ เรียกชื่อตามสบายเถอะนะคะ แหม”

“โอ้ว น้องเล็กของบ้านนี่เอง! ก็ว่าดูเป็นเด็กที่ได้รับความรักมากมายทีเดียวเชียว! เอ้า นี่จ้ะ”

เธอถือแซนด์วิชที่ผ่าขนมปังบาแก็ตต์ก้อนหนาซึ่งเหลือจากการขายเมื่อวาน ยัดไส้แฮมทั่วไปที่หาได้จากตลาดใกล้ๆ กับชีสเยิ้มๆ เอาไว้ในมือทั้งสองข้าง

“อา กลิ่นหอมจัง”

มันเป็นแค่แซนด์วิชราคาถูกที่เทียบไม่ได้กับอาหารที่กินในคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย แต่เธอก็ยังโหยหามันมากเหลือเกิน

“ลาก่อนค่ะ!”

“จ้า ไว้มาอีกนะจ๊ะ!”

ป้าเพอรี่ยิ้มพลางโบกมือให้

เดินห่างออกมาไม่กี่ก้าว ลอรีลก็กระซิบข้างหูเธอ

“คุณหนู ทานอาหารแบบนี้แล้วเดี๋ยวท้องเสียเข้าจะทำยังไงล่ะคะ”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน่ะ ลองกินดูสิ ลอรีล มันอร่อยจริงๆ นะ”

เธออ้าปากกว้างกัดมันคำโตด้วยความกระหาย

“อื้ม รสชาตินี้แหละ”

กินแซนด์วิชฝีมือป้าเพอรี่ไปพลางเดินไปตามถนนเนี่ย!

คิดถึงจัง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]