เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

“เทียส่งมาให้อย่างนั้นเหรอ”

กล่องใหญ่ใส่ของหวานนานาชนิดเอาไว้เต็มกล่องถูกส่งมาที่วังโฟอิรัค

“…ทั้งหมดนี่?”

เฟเรสเปิดฝากล่องออก เอ่ยถามด้วยความงุนงง

ขนมที่ถูกส่งมาให้เขานี่ มันเป็นเค้กและขนมหวานมากถึงสามสิบกว่าชนิด

“เค้กของร้าน ‘คาราเมล อเวนิว’ ! นี่เป็นร้านขนมหวานที่ช่วงนี้เป็นที่นิยมสุดๆ ไปเลยเพคะ”

คำอธิบายของแคทเธอรีนทำให้ใบหูของเฟเรสถูกย้อมเป็นสีแดงระเรื่อ

ถึงสีหน้าที่แสดงออกมาภายนอกอาจจะมีเพียงเท่านั้น แต่ภายในเฟเรสกำลังดีใจเป็นอย่างมาก

เพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยแวะมาหาเขาที่พระราชวังเท่าไหร่ เขาถึงได้รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง แต่ที่จริงแล้วเทียเองก็คิดถึงเขาเหมือนกันสินะ

“จะเริ่มที่ชิ้นไหนดีเพคะเจ้าชาย”

แคทเธอรีนเองก็พานมีความสุขไปด้วย นางเตรียมพร้อมที่จะตักขนมหวานพวกนั้นแบ่งเตรียมใส่จานเอาไว้

เฟเรสเหม่อมองขนมข้างในกล่องนั่น

ในหลายชิ้นนี่เทียจะเลือกกินชิ้นไหนกันนะ

ชอบเค้กแบบไหนมากที่สุดกัน…

นัยน์ตาสีแดงกวาดมองไปยังเค้กทุกชิ้นอย่างเชื่องช้า ในที่สุดเขาก็เห็นเค้กช็อกโกแลตที่ถูกปาดหน้าด้วยครีมสดสีขาว

“บางทีคงจะเป็นชิ้นนั้น”

ครีมหนาปาดหน้าลงบนช็อกโกแลต

รวมของที่เทียชอบทั้งหมดเอาไว้ในชิ้นเดียว

พอนึกถึงเทียที่คงจะมีความสุขมากยามตักเค้กเข้าปาก ใบหน้าของเฟเรสเองก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็น

“เอาชิ้นนี้”

แต่แล้วในตอนที่แคทเธอรีนกำลังตักเค้กชิ้นที่เฟเรสชี้ด้วยปลายนิ้ว เพื่อย้ายมันใส่จานใบเล็ก ผู้ดูแลประจำองค์จักรพรรดิก็มาถึงวังโฟอิรัค

“มีรับสั่งให้เชิญไปที่สวนพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่สอง”

“…ตอนนี้?”

“พ่ะย่ะค่ะ เป็นเช่นนั้น”

เฟเรสมองกล่อง หางตาตกลู่ด้วยความเสียดาย

ผู้ดูแลมองภาพนั้น ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

“ทางเราได้เตรียมของหวานเอาไว้ให้ที่วังส่วนกลางแล้ว แต่จะนำขนมนั่นไปด้วยก็…”

“ไม่”

เฟเรสเอ่ยปฏิเสธตัดคำพูดอีกฝ่าย

“ไปเถอะ”

ของขวัญที่เทียอุตส่าห์ส่งมาให้ เขาไม่คิดที่จะแบ่งคนอื่น ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นองค์จักรพรรดิก็ตาม

“คาอิลรัส”

“พ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย กระหม่อมจะดูแลอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”

คาอิลรัสตอบรับหนักแน่น ในขณะที่ยิ้มน้อยๆ ด้วยเข้าใจความรู้สึกของเฟเรสเป็นอย่างดี

เฟเรสพยักหน้าให้คาอิลรัสหนึ่งครั้ง แล้วจึงค่อยเดินตามหลังผู้ดูแลคนนั้นไป

ในสวนประจำวังส่วนกลางมีเรือนกระจกขนาดใหญ่เรือนหนึ่งตั้งอยู่

ประโยชน์ของเรือนกระจกแห่งนี้มีไว้เพื่อรักษาพืชล้ำค่ามากมายที่ไม่อาจเติบโตได้ในสภาพภูมิอากาศของเมืองหลวงและเพราะมีจุดพิเศษด้านควบคุมอุณหภูมิเอาไว้อย่างเหมาะสมอยู่เสมอ มันจึงถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับเวลาน้ำชาอยู่บ่อยครั้ง

เฟเรสมาถึงสวนแห่งนี้ เขามองไปรอบๆ เรือนกระจก ก่อนจะหยุดชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง

คนที่นั่งดื่มชาพลางชมดอกไม้อย่างเรื่อยเปื่อยข้างในนั้นไม่ใช่องค์จักรพรรดิ

แต่เป็นจักรพรรดินีราวีนี่

เขาเหลือบมองผู้ดูแลคนนั้น แต่เจ้านั่นก็เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ราวกับจะบอกว่าที่นี่คือที่ที่ได้รับคำสั่งมาถูกต้องแล้ว ก่อนจะเปิดประตูเรือนกระจกออกให้เขา

ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าของเฟเรสที่เดินเข้าไปข้างในเรือนกระจกนั้นดังก้องไปทั่ว

“อืม มาแล้วสินะ”

จักรพรรดินีราวีนี่ที่กำลังมองดอกไม้ที่เติบโตอยู่ในบริเวณใกล้ๆ เงยหน้าขึ้นมองเฟเรส ในขณะที่เอ่ยต้อนรับเขา

“มานั่งทางด้านนี้สิ”

ใบหน้ายิ้มกว้างนั่นดูจริงใจไม่น้อย

แต่เฟเรสเพียงแค่มองจักรพรรดินีด้วยนัยน์ตามืดครึ้ม ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับตัวเท่านั้น

“ข้าสั่งให้นั่งลงไม่ใช่หรือ”

จักรพรรดินียิ้มสดใสยิ่งกว่าเดิม นางพูดด้วยน้ำเสียงหวาน

เฟเรสดึงเก้าอี้ตัวที่จักรพรรดินีชี้ออกมานั่งแทนคำตอบ

ราวีนี่ยิ้มด้วยความพอใจ นางเลื่อนถ้วยชาวางลงตรงหน้าเฟเรสให้ด้วยตัวเอง

ในขณะเดียวกันเฟเรสก็มองไปยังดอกไม้ดอกที่ราวีนี่สัมผัสอยู่จนถึงเมื่อครู่

มาเลฟิเชียน…

มันเป็นสมุนไพรพิษ ยิ่งดอกของมันมีสีเหลืองเข้มมากเท่าไหร่ พิษร้ายที่แฝงไว้ก็ยิ่งร้ายกาจมากขึ้นเท่านั้น

ผิดกับรูปร่างของดอกกลับงดงามเสียจนไม่ว่าใครต่างก็อยากจับต้องกันทั้งสิ้น

กลีบดอกอ่อนนุ่มที่พลิ้วไหวตามจังหวะสายลม ช่างเหมือนกับผมสีบลอนด์สว่างจนทำให้ตาพร่าของจักรพรรดินีมากเหลือเกิน

เสียงราบเรียบดังขึ้นพร้อมกับถ้วยชาของเฟเรสที่ถูกเติมเต็มด้วยน้ำชา

น้ำชาสีเหลืองใส

“คงจะอยากทราบเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้าชายมาที่นี่ ใช่มั้ยคะ”

เฟเรสเอนกายนั่งพิงพนักเก้าอี้แทนคำตอบ

ท่าทางผ่อนคลายเกินควรนั่น ทำให้ขนตายาวเป็นแพของราวีนี่สั่นระริกอยู่ครู่หนึ่ง

แต่รอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของนางยังคงหวานดั่งกลิ่นหอมของดอกไม้เหมือนเคย

“ที่ผ่านมาข้าเมินเฉยเจ้าชายมากเกินไป รู้สึกผิดมากจริงๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นเหตุผลที่เรียกเจ้าชายมาที่นี่ในวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นใด…”

จักรพรรดินีหยุดชะงักคำพูด

สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้าเฟเรส

“ทำไมไม่ดื่มล่ะคะ เจ้าชาย”

อาจจะฟังดูสุภาพอ่อนหวาน แต่มันคือการกดดันอย่างชัดเจน

รีบๆ ดื่มชาตรงหน้าเจ้านั่นเสีย

รอยยิ้มของจักรพรรดินีกำลังออกคำสั่งเช่นนั้น

ทว่าเฟเรสไม่หลงกล

เขาไม่แตะถ้วยชานั่นแม้แต่ปลายนิ้วด้วยซ้ำ ทั้งยังมองจักรพรรดินีด้วยใบหน้าเฉยชา

“มันไม่ใช่ชาทั่วไปหรอกนะคะ เป็นชาสมุนไพรที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าชายเป็นพิเศษ…ไม่ถูกใจหรือคะ”

หากฟังแค่จากน้ำเสียงของราวีนี่ คงจะเข้าใจผิดไปได้ว่า เฟเรสเป็นคนอกตัญญูที่กล้าปฏิเสธชาที่จักรพรรดินีใส่ใจเป็นพิเศษถ้วยนี้

แต่เฟเรสไม่ใช่คนที่จะใส่ใจเรื่องพวกนั้น

นัยน์ตาสีแดงของเขาหลุบมองน้ำชาสีเหลืองใส ก่อนที่เขาจะเปิดปากขึ้นอย่างเชื่องช้า

“ไม่เป็นไร ข้าเบื่อพวกใบหญ้าเต็มทนแล้วน่ะพ่ะย่ะค่ะ”

เฟเรสเลื่อนจานรองที่มีถ้วยชาวางอยู่บนนั้นกลับไปตรงหน้าจักรพรรดินี

“ดื่มส่วนของข้าด้วยเลยสิพะย่ะค่ะ”

“…น่าเสียดายจังเลยนะคะ”

เรื่องอะไรล่ะ

เฟเรสรู้สึกได้ว่าโทสะที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาเสียนานกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างไม่มีเสียง

มีดขึ้นสนิม ต่อให้เล็งไปยังเป้าหมาย อย่างไรก็ไม่มีวันเป็นอันตรายได้

เขายังต้องเก็บมันไว้ในอ้อมกอด ลับมันให้คมมากกว่านี้เสียก่อน

ทว่าความอดทนนั่นกลับสั่นคลอนในทันทีที่ได้ยินประโยคถัดไปหลุดออกจากปากของจักรพรรดินี

“เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้าชายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อจะบอกว่าต่อไปข้าจะเป็นมารดาของเจ้าชายค่ะ”

มารดา…

ในวินาทีที่คำคำนั้นหลุดออกมาจากปากของจักรพรรดินี เฟเรสก็มองเห็นภาพตัวเองยกมีดขึ้นฟันคอของจักรพรรดินี

ภาพยามที่เขาแทงอาสทาน่าจนทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่บาดแผล ทำให้มันต้องลงไปเกลือกกลิ้งอยู่แทบเท้าของเขา และฆ่าราวีนี่ต่อหน้ามัน

ตรงหน้าเขาในตอนนี้มีแต่ภาพของมารดาที่สูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิต ในขณะที่สาปแช่งจักรพรรดิอยู่ในวังเล็กที่รกร้างจนแทบพัง

รู้สึกราวกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสายด้วยความเป็นห่วงเขาที่ยังเล็กและต้องถูกทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียว มันยังคงเปรอะเปื้อนจนชื้นไปทั่วมือของเขาอยู่เลย

เฟเรสจ้องจักรพรรดินีราวีนี่เขม็ง

มีเพียงแค่เลือดของสองแม่ลูกนี่เท่านั้น ที่จะชำระล้างโทสะความโกรธแค้นของเขาให้เบาบางลงได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]