จักรพรรดินีมองเห็นประกายไฟที่ลุกโชนขึ้นมาในนัยน์ตาคู่นั้นแม้จะเพียงแค่พริบตาเดียวก็ตาม นางยกยิ้มคล้ายกับสนุกกับปฏิกิริยาของเฟเรส
“ข้าแจ้งฝ่าบาทแล้วเช่นกันค่ะ ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าชาย แต่ต่อไปก็อยากจะดูแลเจ้าชายให้เหมือนกับบุตรชายแท้ๆ ของข้า”
ครืด
สุดท้ายปลายเล็บของเฟเรสก็ขูดเข้ากับที่เท้าแขนเก้าอี้อย่างแรงด้วยอารมณ์ที่ต้องพยายามอดกลั้น
“อย่างไรอายุก็ยังจำเป็นต้องพึ่งมือมารดาอยู่มากไม่ใช่หรือคะ จะทำให้ฝ่าบาทพอใจยังไงดี เพราะฉะนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่เสียนาน ก็เลยนึกวิธีการอบรมที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าชายขึ้นมาได้น่ะค่ะ”
“ไปเรียนที่อะคาเดมีเถอะค่ะ เจ้าชาย”
ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้แล้วจริงๆ
พรวด!
เฟเรสไม่รับฟังอีกต่อไป เขาลุกขึ้นจากที่นั่งในทันที
“เจ้าชาย!”
จักรพรรดินีขมวดคิ้วแน่น นางขึ้นเสียงสูงด้วยความตกใจเล็กน้อย
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ เจ้าชาย! ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ!”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ”
เฟเรสหลุบสายตามองจักรพรรดินีที่ยังคงนั่งอยู่ด้วยนัยน์ตาเย็นชา ในขณะที่เอ่ยพูด
“พอดีข้าไม่เคยได้เรียนรู้อะไรเท่าไหร่”
เฟเรสทิ้งท้ายไว้เพียงแค่คำพูดประโยคนั้น ก่อนจะออกจากเรือนกระจกไปโดยไม่กล่าวลา
เขาได้ยินจักรพรรดินีตะโกนอะไรบางอย่างเสียงดังมาจากข้างหลัง แต่ไม่ได้คิดที่จะสนใจหันกลับไปมองเพราะหลังจากรู้ว่าเฟเรสสามารถสร้างออร่าได้ ก็ไม่มีอัศวินข้างกายจักรพรรดินีคนไหนกล้าใช้กำลังลงไม้ลงมือกับเขาอีก
เฟเรสเดินไปตามทางจนกระทั่งกลับมาถึงวังโฟอิรัค แคทเธอรีนกับคาอิลรัสมองเขาด้วยนัยน์ตาเป็นกังวล
สาเหตุก็เพราะใบหน้าของเฟเรสที่กัดฟันแน่นนั้นบิดเบี้ยวไม่น่ามองเป็นอย่างมาก
ไม่มีใครกล้าสุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้าไปพูดด้วย
คาอิลรัสได้แต่เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจ
หากเฟเรสกรีดเสียงร้องทำลายข้าวของ หัวใจของคนที่เฝ้ามองคงจะไม่เจ็บปวดมากขนาดนี้
ภาพยามที่ได้แต่ก้มหน้านิ่งด้วยใบหน้าที่ไม่มีแม้แต่หยาดน้ำตา วันนี้ช่างดูตัวเล็กมากเหลือเกิน
ทั้งๆ ที่ออกไปเพราะได้รับการติดต่อมาจากวังจักรพรรดิแท้ๆ แต่เพราะท่าทางราวกับแตกสลายนั่น มันเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น จึงยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่
ในตอนนั้นเองแคทเธอรีนที่เฝ้ามองเฟเรสอยู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว
มันไม่ใช่ของที่ยิ่งใหญ่อะไร
นางเพียงแค่วางจานเค้กช็อกโกแลตชิ้นนั้นลงตรงหน้าเฟเรส และช่วยเทนมอุ่นๆ วางไว้ข้างจานใบนั้นเท่านั้นเอง
เฟเรสหันไปมองเค้กชิ้นนั้นเมื่อได้ยินเสียงกระทบดัง ‘แกรก’
แพขนตายาวสีดำสนิทสั่นระริก
เขารู้สึกราวกับเค้กชิ้นนั้นที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะเองก็กำลังมองตนอยู่เช่นกัน
โทสะที่สั่งสมมาจนไฟลุกโชนจนเผาไหม้สติสัมปชัญญะทิ้งไปนั่นเริ่มเย็นลง แม้แต่หัวใจที่เต้นโครมจนแทบระเบิดเองก็สงบลงอย่างง่ายดาย
อาการสั่นเทาของมือที่สั่นไม่หยุด เพราะอยากเอื้อมมือไปชักดาบออกมาเองก็หยุดลง เฟเรสใช้มือข้างที่หยุดสั่นข้างนั้นหยิบส้อมมาถือไว้ในมือแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...