เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 2

“เทีย! เทีย!”

เครนีย์ที่วิ่งไปเสียไกลวิ่งกลับมาด้วยใบหน้าร่าเริง

“เอามงกุฎดอกไม้ไปให้คิลลีวูกับเมโลนกันเถอะ!”

“ทำให้สองแฝดด้วยนี่เอง! เครนีย์ใจดีจังเลยนะ นี่ก็ถึงเวลาที่สองคนนั่นจะกลับบ้านหลังจากฝึกเสร็จพอดี เราไปกันเลยดีมั้ย”

“อื้อ!”

โล่งอกที่สถานที่ที่คู่สามีภริยาชานาเนสกับสองแฝดอาศัยอยู่ไม่ได้ไกลจากที่นี่เท่าไหร่นัก

เธอลุกขึ้นเดินตามหลังเครนีย์กับลาลาเน่ไป

โอ๊ย ปวดไปหมดทั้งตัว

เพราะนั่งเล่นอยู่บนพื้นทุ่งหญ้าแข็งๆ ตั้งหลายชั่วโมง ทำเอาปวดเมื่อยตามข้อต่อไปหมดเลย

ถึงแม้อายุจะอยู่ในช่วงที่ยังมีสปิริตสูงก็เถอะ แต่มันก็เป็นแบบนั้นไปแล้ว

“ข้าล้างมือให้เครนีย์ก่อน แล้วเดี๋ยวตามไปนะ เจ้าเอามงกุฎดอกไม้ล่วงหน้าไปก่อนเลย”

“อื้อ เข้าใจแล้ว”

ลาลาเน่กับเครนีย์จับมือกันเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เธอเลยเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องรับรองของสองแฝดคนเดียว

“ไม่มีใคร…”

ผลักประตูที่เปิดค้างไว้เดินเข้าไปหาคู่แฝด แต่กลับได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านใน

“…เหมืองถ่านหินลีลาร์…กำลังดำเนินการไปได้ด้วยดีตามที่คาดการณ์…”

เหมืองลีลาร์?

ฟีเรนเทียรีบซ่อนตัวหลังเสา จากนั้นก็พยายามเก็บซ่อนลมหายใจของตนให้แผ่วเบาที่สุด

‘คนแบบนี้เป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าของอังเกนัสเนี่ยนะ’

เวสตินมองบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตน ในขณะที่ลอบยิ้มเยาะในใจ

คนคนนี้นอกจากเกิดในตระกูลที่ดีแล้ว ไม่ว่าจะด้านไหนๆ ก็ไม่มีด้านใดเลยที่ทำได้ดีกว่าเวสติน

เรื่องที่อีกฝ่ายทำได้ดี นอกจากเรื่องที่เกิดมาโดยมีสายเลือดของตระกูลชั้นสูงอย่างอังเกนัสแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีเลยแม้แต่เรื่องเดียว

หัวหน้ากลุ่มการค้าอย่างนั้นหรือ ช่างเป็นตำแหน่งที่มีค่าเกินกว่าจะได้รับจริงๆ

ทั้งลอมบาร์เดีย ทั้งอังเกนัส

พวกมันก็เป็นแค่พวกโง่เขลาที่ทุกคนประเมินค่าจนสูงเกินไปเท่านั้น

“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจท่านชายนะครับ…”

“มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ท่านนั้นเองก็ใส่ใจมากด้วยครับ”

เวสตินยิ้มเอาใจอีกฝ่ายพลางเอ่ยพูด

“วันจัดงานประมูลก็อย่างที่เคยแจ้งไปก่อนหน้านี้ครับ จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง”

“โล่งอกที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะครับ ถ้าอย่างนั้นราคาประมูลเองก็…”

“ไม่เปลี่ยนแปลงครับ ลอมบาร์เดียจะร่วมประมูลด้วยเงินจำนวนหนึ่งพันหกร้อยเหรียญทองตามที่สัญญาไว้ครับ”

หลังจากเรื่องนี้จบลง ฐานะของเขาคงจะเกิดปัญหาเล็กน้อย แต่เวสตินไม่คิดที่จะกังวลอะไรกับเรื่องนั้นมากนัก

ถึงยังไงเขาก็เป็นบุตรเขยเพียงคนเดียวของรูลลัก ลอมบาร์เดีย

รูลลักเป็นคนมีจุดอ่อนอยู่เรื่องหนึ่ง หากเป็นสมาชิกในครอบครัวแล้ว ชายชราจะไม่มีวันทิ้งขว้างอีกฝ่าย ทั้งยังคอยให้การคุ้มครองจนถึงที่สุด ดังนั้นเขาแค่แสร้งทำเป็นสำนึกผิดสักหลายเดือนหน่อยก็เพียงพอแล้ว

หากทำเช่นนั้น ตระกูลชูลส์ก็จะได้สัมปทานในการขุดเจาะเหมืองลีลาร์ ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราดิวรักแค่ประมูลด้วยราคาหนึ่งพันแปดร้อยเหรียญทองก็คงจะเพียงพอแล้วสินะ”

“ใช่แล้วละครับ อย่างที่ปรึกษากันไว้”

“ฮ่าฮ่า นี่มันช่างดีจริงๆ”

หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเกาศีรษะแกรกๆ หัวเราะด้วยใบหน้างุ่นง่าน

“ข้าเองก็แค่มาเพราะได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบสถานการณ์กับคุณชายเท่านั้นเองครับ น่าละอายใจจริงๆ เรื่องทุกอย่างก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรคแท้ๆ”

“ฮ่าๆ ชมกันเกินไปแล้วครับ แต่ก็อย่างที่บอกไป หวังว่าทางนั้นจะเชื่อใจและวางใจในตัวเวสติน ชูลส์คนนี้มากกว่านี้หน่อยนะครับ”

“นะ…นั่นสิ ข้าเองก็คิดเหมือนกัน ฮะฮะ”

หัวหน้ากลุ่มการค้าหลบสายตาอีกฝ่าย หัวเราะเสียงโง่เขลาตามความเคยชินที่ติดจนเป็นนิสัย

และเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเป็นคนใจกว้างเสียเต็มประดา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]