เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 26

สรุปบท ตอนที่ 26.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอน ตอนที่ 26.1 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 26.1 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 26.1
ตอนที่ 26.1

บทที่ 26

เธอเคยพบจักรพรรดินีราวีนี่อยู่ไม่กี่ครั้ง

แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนนี้ แต่เป็นชีวิตก่อน

ตอนสมัยนั้นพระองค์เป็นหญิงงามซึ่งมีภาพลักษณ์โดดเด่นดั่งคนที่ได้รับการดูแลอย่างดี จักรพรรดินีที่เยาว์วัยกว่าเมื่อตอนนั้นสิบกว่าปี ช่างเป็นคนที่งดงามมากขนาดทำให้ต้องมองจนตาค้างจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีด้านที่เย็นชามากพอกันกับหน้าตาอยู่ด้วย

“ท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดียใช่มั้ยคะ”

จักรพรรดินีราวีนี่ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปหาท่านพ่ออย่างเชื่องช้า

คราวที่แล้วเธอได้ฝึกซ้อมวิธีการทักทายเชื้อพระวงศ์ของผู้หญิงกับชานาเนส แต่วิธีการทักทายของพวกผู้ชายนั้นมีด้วยกันสองแบบ

หนึ่งคือ ยกมือขึ้นแตะบริเวณหัวใจ โค้งศีรษะลงเป็นการทักทาย ส่วนอีกวิธีนั้นเหมือนอย่างตอนนี้ คือการโค้งกาย แนบหน้าผากของตนเข้ากับมือของเชื้อพระวงศ์ที่ยื่นออกมา

แน่นอนว่าวิธีแบบที่สองค่อนข้างสุภาพมากกว่าแต่มันเป็นวิธีการทักทายที่แทบจะไม่มีใครใช้กันแล้ว

จักรพรรดินียังคงไม่เก็บมือที่ยื่นออกมากลับไป ท่านพ่อเหม่อมองมือข้างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแตะหน้าผากลงบนมือนั่น

เธอเองก็ถวายบังคมตามท่านพ่อ ทว่าจักรพรรดินีไม่แม้แต่จะหันมามองเธอด้วยซ้ำ

เพียงแค่มองท่านพ่อด้วยนัยน์ตามองเหยียดลงต่ำ รู้สึกราวกับในนัยน์ตาคู่นั้นแฝงไปด้วยชัยชนะแปลกๆ

“ออกมาดูเพราะไม่เห็นรถม้าของแขกที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงมื้อเย็นเสียที นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันล่ะ”

จักรพรรดินีหันไปมองอัศวินสองนายพลางเอ่ยถาม

“ระ…เรื่องนั้น…”

แน่นอนว่าพวกอัศวินเองก็ดูจะตื่นตระหนกเหมือนกัน

จักรพรรดินีสั่งให้พวกเขามาบังคับตรวจค้นรถม้า แต่พวกเขาดันถูกพระองค์จับได้ว่ากำลังขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนั้นเสียได้

แววตาของจักรพรรดินีราวีนี่ที่กำลังมองพวกเขาอยู่นั้นเย็นยะเยือก

“อย่ามามัวอยู่ตรงนี้กันเลย เข้าไปข้างในเถอะ จะปล่อยให้แขกต้องอยู่บนถนนคงจะเป็นการเสียมารยาทเกินไป”

จักรพรรดินีตรัสเช่นนั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายหันหลังเริ่มก้าวขาออกเดินก่อน

เหล่านางกำนัลห้าคนเองก็กรูกันตามหลังนางไป

ท่านพ่อที่กำลังนิ่วหน้ามองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่งหันมามองเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเธอ

“พวกเราก็ไปกันเลยดีมั้ย เทีย?”

แน่นอนว่าคงจะคิดอะไรอยู่หลายเรื่องทีเดียว แต่ท่านพ่อก็ยังยิ้มให้ในขณะที่ยื่นมือมาหาเธอ

สถานที่ที่จักรพรรดินีนำทางพวกเราไปก็คือห้องรับประทานอาหารที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษไว้สำหรับใช้จัดงานเลี้ยงมื้อเย็นของวังจักรพรรดินีโดยเฉพาะ

ในทุกเดือนราวีนี่จะเชิญแขกมาประมาณสิบคน เพื่อสร้างคอนเน็กชั่นของตัวเอง บางครั้งองค์จักรพรรดิเองก็จะมาร่วมโต๊ะเสวยด้วย ดังนั้นงานเลี้ยงมื้อเย็นของจักรพรรดินี จึงเป็นอีเวนต์สำคัญที่บรรดาชนชั้นสูงต่างก็อยากลองเข้าร่วมกันสักครั้งทั้งนั้น

แต่ท่านพ่อกับเธอเข้ามาข้างในแล้วถึงได้รู้ว่างานเลี้ยงมื้อเย็นในวันนี้มันแตกต่างจากเรื่องที่เคยได้ยินมา

บนโต๊ะตัวยาวมีจานชามถูกจัดวางเอาไว้สำหรับคนแค่ห้าคนเท่านั้น

“วันนี้เป็นงานพิเศษที่ข้าเชิญมาเฉพาะบิดากับลูกสาวตระกูลลอมบาร์เดียเท่านั้นค่ะ มีเรื่องให้พวกเราได้ฉลองกันอยู่ด้วย ว่ามั้ยคะ”

จักรพรรดินีหัวเราะ นัยน์ตากลมโตพับลงอย่างงดงาม

ช่างเป็นภาพที่งดงามจริงๆ แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความงามนั่นเลยแม้แต่น้อย ฟีเรนเทียเอาแต่นึกถึงสภาพย่ำแย่ของเจ้าชายลำดับที่สอง จนรู้สึกอึดอัดใจไปหมด

“…เป็นเกียรติอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

แต่ถึงอย่างนั้นท่านพ่อก็ยังคงเอ่ยตอบกลับไปอย่างมีมารยาท ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ในตำแหน่งที่จักรพรรดินีชี้ไป

และทันทีที่พวกเรานั่งลงกันหมด ประตูห้องรับประทานอาหารก็ถูกเปิดออกอีกครั้งคล้ายกับรอจังหวะอยู่แล้ว ก่อนที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งจะเดินเข้ามา

“เสด็จแม่”

“มาสิคะ อาสทาน่า วันนี้เพื่อนของอาสทาน่ามาด้วยนะคะ?”

“พ่ะย่ะค่ะ…”

อาสทาน่าเหลือบมองเธอ แล้วตอบด้วยท่าทางใสซื่อที่สุดในโลก

เจ้าเด็กนั่นกับเธอเป็นเพื่อนกันอย่างนั้นเหรอ

ฟีเรนเทียอยากจะพ่นลมหายใจเสียงดังหึออกมาทางจมูก แต่งานนี้ก็สำคัญจนได้แต่อดกลั้นเอาไว้

“สวัสดีครับ ท่านชายลอมบาร์เดีย”

“ที่ผ่านมาสบายดีหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง”

“ฮ่าฮ่า! แคลอฮัน!”

คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเรียกชื่อท่านพ่อเสียงดังตั้งแต่ปรากฏตัวก็คือ องค์จักรพรรดิโยบาเนส

พระองค์เป็นผู้ชายที่ให้บรรยากาศของคนใจกว้าง มีผมดำเช่นเดียวกันกับเจ้าชายลำดับที่สอง

เธอลุกจากที่นั่งตามท่านพ่อ ถวายบังคมตามธรรมเนียมของราชวงศ์

“ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะ! สบายดีหรือเปล่า”

“ดีใจเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ ที่ฝ่าบาทเองก็ดูจะทรงพระพลานามัยแข็งแรงดี”

“ข้าก็เป็นเช่นนั้นตลอดอยู่แล้ว! ”

ดูเหมือนท่านพ่อกับจักรพรรดิจะสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะทั้งคู่อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน

สายตาของจักรพรรดิที่กำลังชกไหล่ของท่านพ่อด้วยมือหนาเลื่อนมาที่เธอ

“โอ้ เจ้าคือฟีเรนเทียสินะ”

“ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ถวายบังคมองค์จักรพรรดิเพคะ”

ผิดคาดที่เธอคงจะเป็นประเภทแข็งแกร่งเมื่อเจอศึกจริง ครั้งนี้จึงไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดอย่างน่าโล่งอก

นัยน์ตายิ้มแย้มแต่แฝงไปด้วยความแห้งผากของจักรพรรดิกวาดมองเธอ

“อืมๆ เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ”

“ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท”

“แคลอฮัน ลูกสาวเจ้านี่ช่างฉลาดเฉลียวเหมือนเจ้าไม่มีผิดเลยนะ! ”

ดูเหมือนจักรพรรดิจะคุ้นชินกับการพูดชมคนอื่นเป็นอย่างดี

“เอาละๆ นั่งกันเถอะ!”

ทันทีที่จักรพรรดิประทับลงตรงตำแหน่งที่นั่งสูงสุดอย่างหัวโต๊ะ เหล่าผู้ดูแลและนางกำนัลทั้งหลายก็นำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ พร้อมกับงานเลี้ยงมื้อเย็นที่เริ่มขึ้น

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]