ตอนที่ 28.2 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 28.2 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“อืม…”
ในที่สุดก็ได้รับประทานอาหารเช้าด้วยกันกับท่านพ่อหลังจากที่ไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วยกันมาเสียนาน
เธอกำลังเคี้ยวผลไม้เสียงดังแจ๊บๆ ในขณะที่ตั้งมั่นอยู่กับการเปลี่ยนแผนเพื่องานที่จะทำหลังจากนี้อีกครู่หนึ่ง ก็ต้องหันหน้าไปมองท่านพ่อเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจหลุดออกมาเป็นครั้งที่สาม
“อืม…”
หน้าผากของท่านพ่อที่มักจะยิ้มดั่งแสงอาทิตย์อยู่เสมอทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันกับเธอ กลับยับย่นเป็นริ้ว
“พ่อ ทำไมเป็นงั้นล่ะคะ”
พอเธอกระตุกแขนเสื้อพลางเอ่ยถาม ท่านพ่อถึงได้ตั้งสติแล้วหันมามองเธอ
“อา ไม่มีอะไรหรอก แค่มีอะไรให้ต้องคิดอยู่ครู่หนึ่งน่ะ”
ดูเหมือนจะกังวลอะไรมากกว่าครุ่นคิดเฉยๆ นะ
“ถ้ามีเรื่องลำบาก ลองพูดกับคนอื่นบ้างก็ดีนะคะ!”
ท่านพ่อลูบศีรษะเธอคล้ายกับจะชมเชยในคำพูดของเธอ
“ทำให้เทียต้องเป็นห่วงเสียแล้วเหรอเนี่ย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วจะถอนหายใจราวกับพื้นถล่มได้ยังไง เพราะอย่างนั้นเธอยังคงเบิกตาจ้องท่านพ่อต่อ
พอเห็นลูกสาวตัวน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอันใดมองตนด้วยนัยน์ตาราวกับต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง ท่านพ่อก็ถอนหายใจเสียงแผ่ว ส่งยิ้มให้พลางเอ่ยพูด
“ก็แค่พ่อตั้งใจจะทำธุรกิจอื่นเหมือนอย่างกิจการผ้าทอเมื่อครั้งก่อนน่ะ แต่ดันไม่มีประสบการณ์ก็เลยลังเลอยู่”
“ธุรกิจเหรอคะ”
จะว่าไปที่งานเลี้ยงของจักรพรรดินี ท่านพ่อเองก็เคยกล่าวอะไรแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
บอกว่าอีกไม่นานจะวางมือจากกิจการผ้าฝ้ายโคโรอี แล้วหันมาทำธุรกิจส่วนตัวอย่างอื่นแทน
อันที่จริงตอนนั้นเธอคิดว่าท่านพ่อแค่พูดออกไปด้วยความโกรธเคือง เพราะอยู่ต่อหน้าจักรพรรดินีเท่านั้นเสียอีก
ดูเหมือนจะตั้งใจจริงสินะแถมยังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งขนาดนั้น
ถ้าหากมีเรื่องอะไรที่เธอพอจะช่วยได้ เธอก็อยากจะช่วยเหมือนกัน
“พ่อ เท่จังเลยค่ะ! ว่าแต่กิจการอะไรเหรอคะ อธิบายให้ข้าฟังบ้างไม่ได้เหรอคะ”
เธอเขยิบเข้าไปข้างกายท่านพ่อ นั่งให้ใกล้อีกนิด พลางเอ่ยพูด
“อยากรู้มากๆๆ เลย!”
ว่าแล้วเชียว ท่านพ่อน่ะใจอ่อนกับเธอ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มอธิบายไอเดียกิจการของตัวเองด้วยคำพูดที่ง่ายพอที่เด็กจะสามารถเข้าใจได้
ถ้าให้พูดตามตรง คำอธิบายนั่นมันทั้งยาวทั้งซับซ้อนไปหมด
คล้ายกับว่าตัวท่านพ่อเองก็ยังจับคอนเซ็ปต์ที่แน่ชัดไม่ได้ ระหว่างที่เล่าไปถึงได้พูดฟังมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ทั้งยังดูสับสนไปหมดแต่ในขณะที่ฟังคำอธิบายของท่านพ่อ เธอก็แอบลอบตะโกนในใจว่า ‘สุดยอด!’
ขนาดตัวเธอเองยังรู้สึกเลยว่าตอนนี้คงจะหน้าแดงด้วยความดีใจและตื่นเต้นสุดๆ
แผนธุรกิจของท่านพ่อมันเป็นไอเดียแปลกใหม่ที่โลกใบนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน แต่สำหรับเธอแล้วมันเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ถ้าหากกิจการนี้ลงตัวละก็ แค่กิจการนี้กิจการเดียว ท่านพ่อก็จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
ไม่สิ เธอมั่นใจว่าบางทีกิจการต่างๆ ของอาณาจักรอาจจะเกิดการพัฒนา พลิกโฉมเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่นที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้
“พ่อ เยี่ยมที่สุดเลยค่ะ!”
เธอกอดเอวท่านพ่อแน่น ตะโกนเสียงดัง
ท่านพ่อเองก็หัวเราะฮ่าๆ กอดเธอตอบ ดูเหมือนจะคิดว่าเธอเข้าใจทั้งหมดที่ท่านเพิ่งอธิบายให้ฟังเมื่อครู่
“เทียชอบใจขนาดนี้ พ่อเองก็มีแรงขึ้นมาเลยละ”
แต่คนที่ไม่เข้าใจทิศทางของกิจการนี้ทั้งหมดคือท่านพ่อต่างหากเพราะนี่มันเป็นเรื่องที่สุดยอดมากจริงๆ และในหัวสมองของเธอก็นึกถึงคนที่เหมาะเหม็งที่จะเป็นคู่หูดูโอ้ในอุดมคติของท่านพ่อขึ้นมาได้ทันที
“พ่อ พ่อ!”
“ทำไมเหรอ เทีย”
“เวลามีเรื่องสงสัย ลองไปถามอาจารย์เครย์ลีบันดูสิคะ! ”
“คุณเครย์ลีบัน?”
“ค่ะ! ”
ในระหว่างที่ดำเนินกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีครั้งนี้ ท่านพ่อเองก็คงได้เรียนรู้จากการทำงานใกล้ชิดกับเครย์ลีบันเช่นกัน
ว่าเครย์ลีบันเป็นคนที่เก่งกาจด้านธุรกิจมากขนาดไหน
อายุเองก็ใกล้เคียงกันกับท่านพ่อ แต่เทียบกับอายุที่ยังน้อย เขากลับเป็นคนที่มีความรู้ด้านการค้ามากทีเดียว
แต่ไม่รู้ทำไม ท่านพ่อถึงได้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยอยากทำแบบนั้นเท่าไหร่
“คุณเครย์ลีบัน อืม…”
“ร้านค้าฟรังค์ไงล่ะ ร้านค้าฟรังค์ผู้เชี่ยวชาญด้านโอสถ”
อา ก็ว่าใบหน้ามันเยิ้มนั่นมันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน
ไอ้โง่ที่ยุยงและลากอาสทันลีอูเข้าบ่อนพนันเป็นครั้งแรก ก็คือบุตรคนที่สองของร้านค้าฟรังค์คนนี้เนี่ยแหละ
อาสทัลลีอูที่เด็กกว่าเขาอยู่หลายปี ต่อมายังถึงกับเรียกอีกฝ่ายว่าท่านพี่ แล้วเดินตามต้อยๆ อีกด้วยและเพราะอาสทัลลีอูติดหนี้การพนัน ทำให้ภายหลังทรัพย์สมบัติของลอมบาร์เดียถูกส่งมอบให้แก่ร้านค้าฟรังค์
ท่าท่างตอนแสร้งทำเป็นใจดี ยินยอมรับเอาอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลไปด้วยราคาถูกแสนถูกจนเหมือนของไม่มีค่าแทนหนี้สินที่ติดไว้ มันทำให้เธอรู้สึกโมโหจนใจจะระเบิด
พอคิดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นแล้ว ความโกรธแค้นก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
“ด้วยคอนเน็กชั่นที่ข้าจะสร้างขึ้นในอะคาเดมีของอาณาจักร ต่อไปมันก็จะกลายเป็นปีกให้แก่ข้า แต่เจ้ายังกล้าคิดอยากได้ใบแนะนำของข้าอย่างนั้นหรือ”
เจสันกวาดสายตามองเอสทีร่าที่ยืนก้มหน้านิ่งตั้งแต่บนจรดล่าง ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา
“เจียมตัวบ้างเถอะ เอสทีร่า”
วินาทีนั้นเอง เธอรู้สึกราวกับคำพูดผสมเสียงเย้ยหยันมันปักแน่นเข้ากลางใจของเธอ
“ไม่รู้จักเจียมตัวจนถึงที่สุดเลยสินะ”
ไอ้ที่บอกว่าให้เจียมเนื้อเจียมตัวเนี่ย จะให้เจียมตัวเรื่องอะไรกันอีก
ภาพของเอสทีร่าที่ได้แต่ยืนนิ่งเฉยโดยไม่อาจพูดตอบอะไรเจสันได้แม้แต่คำเดียว มันซ้อนทับกับภาพของเธอในอดีต
ถึงจะมีความสามารถที่โดดเด่นยิ่งกว่าใครในตระกูล แต่วันเหล่านั้นที่ถูกเมินเฉยด้วยคำว่า ‘เจียมตัวเสียบ้าง’ อยู่เสมอ มันราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานจนทำให้เธอรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา
เอสทีร่าไปทำอะไรให้กันแน่ ก็แค่บอกว่า ‘อยากไปอะคาเดมี’ แค่ประโยคเดียวเท่านั้นเองแต่กลับต้องมาฟังคำพูดเย้ยหยันดูถูกกันแบบนั้น
ฟีเรนเทียลุกพรวดขึ้นจากขั้นบันไดที่นั่งอยู่และก้าวเท้าเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงาน
เดิมทีเธอวางแผนเอาไว้ว่าจะไปขอร้องท่านปู่ให้ช่วยเขียนใบแนะนำให้เอสทีร่า
ในเมื่อค่าวิจัยที่ยังขาดอยู่นั่น ฟีเรนเทียก็แค่ช่วยเพิ่มให้จากเงินค่าขนมของเธอก็พอแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้คิดลังเลอะไรมากแต่แผนการถูกเปลี่ยนไปแล้ว
เจสัน ฟรังค์ จะใช้ใบแนะนำของดอกเตอร์โอมัลลี่ เพื่อดึงความสนใจจำนวนมากจากผู้คนที่อะคาเดมีอย่างนั้นเหรอ
แค่คิดว่าไอ้หนุ่มผมมันเยิ้มราวกับทาน้ำมันทาผมทั้งขวดไว้นั่นจะใช้ชื่อตระกูลลอมบาร์เดียอวดเบ่งต่อหน้าคนอื่นๆ เธอก็รู้สึกโมโหจนข้างในมันบิดเบี้ยวไปหมด
“คงจะต้องเปลี่ยนแปลงแผนปฏิบัติการเสียแล้วสิ”
ฟีเรนเทียกำหมัดแน่น มุ่งหน้าต่อไปยังห้องทำงาน
Related
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...