เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

เธอกำลังอ่านหนังสือฆ่าเวลาไปพลางๆ ระหว่างรอมื้อเย็น แต่จู่ๆ ก็ต้องเงยหน้าขึ้น เพราะเสียงฝีเท้าเร่งรีบที่เดินเข้ามาใกล้

“เทีย!”

โครม!

ประตูถูกเปิดออกพร้อมเสียงดังสนั่น ก่อนท่านพ่อจะวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือด

“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”

วิ่งมาจากที่ไหนเนี่ย

ท่านพ่อหอบหายใจถี่เล็กน้อย แล้วพูดเสียงสั่นเครือ

“มะ เมื่อกี้…เมื่อกี้ได้ยินเรื่องแปลกๆ จากคุณเครย์ลีบัน…”

“เรื่องแปลกๆ เหรอคะ”

“เทียเตรียมเปิดตัว…”

แล้วเรื่องแค่นั้นทำไมถึงกลายเป็นเรื่องแปลกได้ล่ะ

“ค่ะ ใช่แล้วค่ะ”

“เฮือก! ”

ท่านพ่อยกมือขึ้นปิดปาก ราวกับคนได้ฟังข่าวที่เลวร้ายที่สุดในโลก

และนัยน์ตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

“ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ … จะเปิดตัวแล้วหรือ”

“ยังไงงานเปิดตัวปกติก็จัดตอนอายุ 12 ถึง 15 ปีไม่ใช่เหรอคะ ไหนๆ ก็ต้องจัดอยู่แล้ว ก็อยากจะรีบจัดการให้เสร็จเรียบร้อยไวๆ น่ะค่ะ”

“แต่พวกที่จัดงานเปิดตัวกันไว ปกติก็มีแต่พวกตระกูลเล็กๆ ที่ต้องรีบร้อนหาคู่หมั้นคู่หมายกันนะ… เทียไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเลยไม่ใช่เหรอ”

ท่านพ่อพูดด้วยความสิ้นหวัง พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้เธอเปลี่ยนใจ

“มันก็จริงค่ะ”

แต่แล้วในตอนที่เธอตั้งใจจะอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงได้คิดจะจัดงานเปิดตัว

โครม!

ประตูก็พลันถูกเปิดออกอีกครั้ง ในขณะที่ส่งเสียงดังสนั่นยิ่งกว่าตอนท่านพ่อเปิดเข้ามา

“เทีย!”

คราวนี้เป็นท่านปู่

ท่านปู่วิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรนเหมือนท่านพ่อเมื่อครู่ ท่านสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะถาม

“เปิดตัวอย่างนั้นหรือ นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

“มาแล้วหรือคะ ท่านปู่! ”

พอเธอลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้า ท่านปู่ก็สวมกอดเธอแน่น แล้วถามอีกครั้ง

“ปู่ได้ยินมาผิดใช่มั้ย ใช่หรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ ได้ยินมาถูกต้องแล้ว ข้าตั้งใจจะเปิดตัวในสังคมค่ะ”

“เฮือก! ”

คงกลัวคนไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูกกันละมั้ง ปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนกับท่านพ่อเปี๊ยบเลย

“รีบร้อนอะไรแบบนั้นกัน! เรื่องแบบนั้นค่อยเป็นค่อยไปก็ไม่สายหรอกนะ!”

“แต่หญิงสาวชนชั้นสูงทุกคนปกติก็ต้องเปิดตัวอย่างเป็นทางการสักวันไม่ใช่เหรอคะ

งานเปิดตัวมีขั้นตอนคล้ายๆ กับพิธีรับน้องประเภทหนึ่ง มันเป็นการแนะนำตัวเองต่อหน้าแวดวงสังคม ให้ทุกคนได้เห็นหน้าค่าตาอย่างเป็นทางการ เหมือนจะบอกว่า ‘ต่อไปขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ’ อะไรเทือกนั้น

อันที่จริงก็ไม่ใช่ธรรมเนียมที่จำเป็นอะไรขนาดนั้นหรอก

ในชีวิตก่อนเธอเองก็ใช้ชีวิตโดยไม่เคยได้เปิดตัวในสังคมอย่างคนอื่นเขาเหมือนกัน

แต่ถ้าได้เปิดตัวมันก็ถือว่าดีกว่า ให้คนอื่นเขาจดจำหน้าตาของเธอยังไงมันก็สะดวกกว่าเยอะ เลยอยากจะรีบๆ จัดให้มันไวๆ หน่อย

“หรือว่ามีเหตุผลอะไรที่คิดว่า หากข้าจัดงานเปิดตัวช้าหน่อยดีกว่าหรือเปล่าคะ”

เธอถามออกไปเผื่อว่าจะมีเหตุผลอะไรที่เธอไม่รู้

ท่านปู่กระแอมไอด้วยความกระอักกระอ่วน ทำปากยื่นอย่างแง่งอน ท่านพ่อจึงเป็นฝ่ายตอบเสียงสั่นเครือแทน

“จนถึงตอนนี้เทียจัดการเรื่องทุกอย่างเองคนเดียว ในฐานะพ่อ พ่อรู้สึกผิดและภูมิใจในตัวลูกมาก แต่ถ้าจัดการเปิดตัวตอนนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนลูกเติบโตเร็วเกินไป…”

เธอหันไปถามท่านปู่

“ท่านปู่ก็มีเหตุผลเดียวกันเหรอคะ”

“อะแฮ่ม การย่างกรายเข้าไปในแวดวงสังคมที่มีพวกปากหอยปากปูเยอะ มันไม่มีอะไรดีไม่ใช่หรือ”

“ใช่แล้วละ เทีย อย่างที่ท่านปู่บอก รีบร้อนไปก็ไม่มีอะไรดี…”

เธอยิ้มกว้างก่อนจะตอบ

“ข้าจะจัดงานเปิดตัวในฤดูกาลนี้ค่ะ”

“เทีย! ”

“เทีย! ”

ท่านปู่กับท่านพ่อตะโกนเสียงดังพร้อมกัน

แต่เธอส่ายหน้ายืนยันหนักแน่น

“คงเพราะข้าไม่ค่อยไปงานสังคมข้างนอกเท่าไหร่ เลยมีคนไม่รู้จักข้าอยู่มาก มันไม่ค่อยสะดวกเลยน่ะค่ะ บางครั้งก็โดนดูถูก…”

เธอลากเสียงประโยคไม่ยอมพูดต่อ นัยน์ตาของท่านปู่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ใคร! ใครมันกล้าดูถูกหลานสาวข้า!”

“ถ้ามีเรื่องแบบนั้นก็น่าจะบอกพ่อสิ! ”

ท่านพ่อเองก็ขึ้นเสียงดังอย่างหาได้ยาก

เธอยังคงทำไหล่ลู่ในขณะที่พูดต่อ

“ถ้าจัดงานเปิดตัวให้คนรู้จักหน้าตาข้ามากขึ้น คงไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก… เพราะฉะนั้นก็เลยอยากจัดไวๆ น่ะค่ะ…”

คำพูดของเธอทำให้ท่านพ่อกับท่านปู่เริ่มสั่นคลอน

“เหตุผลเช่นนั้น…”

“การเปิดตัวก็ถือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดี…”

กะแล้วเชียว ถ้าอ้างแบบนี้ย่อมตกลงแน่

ท่านพ่อกับท่านปู่ขมวดคิ้วแน่น เริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังจนหน้าผากยับย่น

คนที่ถูกเกลี้ยกล่อมจนยอมโอนอ่อนเป็นคนแรกคือท่านปู่

“ใช่แล้ว! งั้นก็ถือโอกาสนี้จัดงานเปิดตัวให้เหมาะสมก็แล้วกัน ปู่คนนี้จะช่วยจัดงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้แก่เจ้าเอง”

“กรี๊ด! สมกับเป็นท่านปู่จริงๆ ค่ะ!”

เธอโน้มคอท่านปู่ลงมากอดเอาไว้แน่น

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ท่านปู่หัวเราะเสียงดังในขณะที่ตบหลังเธอเบาๆ

ในตอนนั้นเอง

ปัง!

ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมเสียงดังสนั่นอีกครั้ง ก่อนสองแฝดจะทะเล่อทะล่าวิ่งพรวดเข้ามา

“เทีย! เปิดตัวอย่างนั้นหรือ!”

“ยังไม่ได้นะ! ”

“เฮ้อ…”

ไม่มีแรงจะอธิบายอีกรอบแล้วนะ

เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว มองสองแฝด ก่อนจะหันไปถามท่านพ่อกับท่านปู่

“ทานมื้อเย็นด้วยกันดีมั้ยคะ”

* * *

สุดท้ายแม้กระทั่งชานาเนสก็มาร่วมวงด้วย พวกเรานั่งล้อมวงอยู่บนโต๊ะเดียวกัน

ชานาเนสได้ยินข่าวเรื่องงานเปิดตัวของเธอ นางเพียงแค่เบิกตากว้างด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่งเท่านั้น ไม่ได้โวยวายทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร

“กล้าดูถูกหลานสาวของรูลลักคนนี้ ไอ้พวกชั่ว! ”

ท่านปู่เอาแต่พร่ำบ่นไม่หยุด ท่าทางจะยังไม่หายโมโห

“อะไร…ใครดูถูกเทีย!”

“เพราะงั้นถึงได้จะจัดงานเปิดตัวเหรอ!”

สองแฝดทุบโต๊ะเสียงดังด้วยความโกรธ

ถึงจะเงียบทันทีที่ชานาเนสซึ่งนั่งกินอาหารอยู่เงียบๆ ด้านข้างส่งสายตาตำหนิให้ก็เถอะ

เธอยิ้มพลางพูดขึ้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแบบนั้นหรอกค่ะ พอดีเมื่อครั้งก่อนตอนออกไปคอกม้าแถวชานเมือง…”

“อ๊ะ เจ้านั่นเมื่อตอนนั้น”

“ไอ้เด็กที่ทำเป็นอวดดีต่อหน้าเทีย ทั้งยังเข้ามาจีบนั่นใช่มั้ย ชื่ออะไรนะ…”

เฮ้ย ไม่ได้นะ ห้ามบอก

“คาเซย์! คาเซย์ อังเกนัส!”

คำพูดถามตอบของคิลลีวูกับเมโลนทำให้คิ้วของท่านปู่กระตุกครั้งหนึ่ง

“เด็กตระกูลอังเกนัสกล้าดูถูกหลานสาวข้า… แถมยังเข้ามาจีบอีกด้วยงั้นหรือ”

โธ่เอ๊ย เกิดเรื่องใหญ่จนได้

ชื่อตระกูลอังเกนัสทำให้อารมณ์รุนแรงของท่านปู่ยิ่งพลุ่งสูงขึ้น

“ไม่ได้การ เจ้าพวกนั้น แบบนี้ต้องจัดงานเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่สุดๆ ต่อไปจะได้ไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนั้นกับหลานสาวข้าคนนี้…”

ในตอนนั้นเองชานาเนสที่นั่งซับมุมปากด้วยผ้าเช็ดปากก็พูดขึ้น

“งานเปิดตัวที่มีเกียรติที่สุด ก็ต้องเป็นงานเลี้ยงเปิดตัวที่ทางราชวงศ์เป็นเจ้าภาพสินะคะ”

“งานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์”

“ค่ะ เพียงแค่ปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น ทั้งยังมีเพียงแค่คุณหนูที่ได้รับคัดเลือกด้วยมาตรฐานอันแสนเข้มงวดเท่านั้น ที่จะได้เปิดตัวในงานเลี้ยงที่ว่านั่นนี่คะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]